Page 257 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 257

255
                                                   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                                                   ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                     บุคคลหรือนิติบุคคลที่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์ส่วนตนของบุคคลหรือนิติบุคคลนั้น

                     และบุคคลหรือนิติบุคคล ซึ่งใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในกิจการสื่อมวลชน งานศิลปกรรม
                     หรืองานวรรณกรรม ส่วนวรรคท้ายที่กำาหนดให้การยกเว้นไม่ให้นำาบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้

                     มาใช้บังคับแก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลลักษณะหรือกิจการใดให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกานั้น
                     อาจเพิ่มเงื่อนไข เช่น เพื่อประโยชน์สาธารณะ เป็นต้น

                                      ๔.๓) ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ร่างพระราชบัญญัติฯ ได้กำาหนดแนวทาง
                     การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล การใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล การเก็บรักษาและการ

                     แก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งต้องแก้ไขให้เป็นปัจจุบัน เก็บข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำาเป็น
                     และลบออกเมื่อหมดความจำาเป็น รวมทั้งมีมาตรการส่งเสริมบทกำาหนดโทษทั้งที่เป็นโทษปรับ

                     ทางปกครองและโทษอาญา สำาหรับผู้ควบคุมข้อมูลที่เป็นกรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ ส่วนผู้ควบคุม
                     ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นลูกจ้างอาจถูกฟ้องเพื่อรับผิดทางแพ่งได้  นอกจากนี้ ได้รับรองสิทธิของ

                     เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตน สามารถขอเพิกถอนความ
                     ยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตน ฯลฯ สำาหรับข้อยกเว้นตาม

                     ร่างพระราชบัญญัติฯ มาตรา ๑๖ วรรคท้าย ซึ่งกำาหนดให้อาจจำากัดสิทธิในการเพิกถอนได้โดยมี
                     กฎหมายหรือสัญญานั้น อาจเพิ่มเติมเงื่อนไข เช่น เป็นสัญญาที่เป็นการคุ้มครองสิทธิของเจ้าของ

                     ข้อมูลส่วนบุคคล ฯลฯ
                                      ๔.๔) การกำากับดูแลผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเชิงธุรกิจหรือการพาณิชย์เป็น

                     ส่วนที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเพิ่มเติมขึ้นจากร่างกฎหมายเดิม ซึ่งมีมาตรการกำากับดูแลที่เข้มงวด
                     กว่าผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป และที่ร่างพระราชบัญญัติฯ มาตรา ๔๐ กำาหนดให้ผู้ควบคุม

                     ข้อมูลส่วนบุคคลเชิงธุรกิจหรือการพาณิชย์แจ้งเป็นหนังสือเมื่อเลิกกิจการ แต่ไม่ได้ให้ขึ้นทะเบียน
                     เมื่อเริ่มกิจการซึ่งตามร่างกฎหมายเดิมกำาหนดไว้นั้น เนื่องจากหน่วยปฏิบัติซึ่งรับผิดชอบตาม

                     ร่างกฎหมายนี้ได้ให้ความเห็นว่า การขึ้นทะเบียนอาจเป็นภาระของหน่วยงานจึงตัดประเด็นนี้
                     ออกไป สำาหรับข้อมูลส่วนบุคคลอันมีลักษณะต้องห้าม (sensitive data) ได้กำาหนดขึ้น

                     เนื่องจากเห็นว่าควรมีมาตรการให้ความคุ้มครองที่เข้มงวดมากกว่าข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
                                      ๔.๕) ส่วนกรณีที่บทบัญญัติของกฎหมายเฉพาะที่ให้ความคุ้มครองข้อมูล

                     ส่วนบุคคล ขัดหรือแย้งกับร่างกฎหมายนี้ มาตรา ๔ ของร่างกฎหมายฯ กำาหนดให้บังคับตามบทบัญญัติ
                     แห่งกฎหมายว่าด้วยการนั้น แต่หากมีเหตุอันควรก็อาจให้นำาบทบัญญัติแห่งร่างกฎหมายนี้ไปใช้บังคับ

                     เป็นการเพิ่มเติมหรือแทนที่กฎหมายว่าด้วยการนั้นได้
                                   ๕) ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ความเห็นต่อกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครอง

                     ข้อมูลส่วนบุคคลฯ ดังนี้

                                      ๕.๑) พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. ๒๕๔๕ มีบทบัญญัติ
                     ในการกำากับดูแลผู้ควบคุมข้อมูลและผู้ประมวลผลข้อมูลในการดำาเนินการกับข้อมูลเครดิตที่ใช้ในธุรกิจ
   252   253   254   255   256   257   258   259   260   261   262