Page 261 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 261

259
                                                   ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
                                                   ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  เล่ม ๑  ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗




                     ข้อมูลส่วนบุคคลแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามที่ร้องขอ  นอกจากนี้ องค์ประกอบของคณะกรรมการ

                     คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ มาตรา ๗ ยังไม่ได้
                     คำานึงถึงมิติหญิงชายตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบและ

                     รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๓๐
                                      ๘.๖) ผู้ได้รับผลกระทบให้ข้อมูลว่า ทางปฏิบัติพบว่าแพทย์และแพทยสภาสามารถ

                     เข้าถึงและแก้ไขข้อมูลการรักษาพยาบาลหรือเวชระเบียนของคนไข้ของสถานพยาบาล จึงเอื้อให้เกิด
                     การอุปถัมภ์ช่วยเหลือกัน เช่น แก้ไขข้อมูลในเวชระเบียนเมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นอันเป็นผลจาก

                     การรักษาพยาบาลของแพทย์ ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ ควรมีบทบัญญัติที่ช่วย
                     แก้ปัญหาเกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลเวชระเบียนดังกล่าวด้วย และเห็นว่าคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน

                     แห่งชาติควรจัดประชุมหารือเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลเวชระเบียนโดยเฉพาะ
                     นอกจากนี้ ควรผลักดันร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุขฯ ซึ่งยัง

                     ไม่ผ่านการพิจารณาในรัฐสภาด้วย

                                ๓.๓.๒ คำาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

                                      ศาลรัฐธรรมนูญเสียงส่วนใหญ่เคยมีคำาวินิจฉัยกรณีบทบัญญัติของกฎหมายที่ว่า
                     กรณีที่ผู้กระทำาผิดเป็นนิติบุคคล ให้กรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือบุคคลที่รับผิดชอบการดำาเนินงาน

                     ของนิติบุคคลต้องรับโทษตามที่กฎหมายกำาหนดสำาหรับความผิดนั้น เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่าตนมิได้มีส่วน
                     ในการกระทำาความผิดของนิติบุคคล ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ มาตรา ๓๙ วรรคสอง ดังนี้

                                      ๑)  คำาวินิจฉัย ที่ ๑๒/๒๕๕๕ เรื่องพิจารณา ที่ ๓๓/๒๕๕๓ วันที่ ๒๘ มีนาคม
                     ๒๕๕๕ เรื่อง พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๕๔

                                      ๒)  คำาวินิจฉัย ที่ ๕/๒๕๕๖ เรื่องพิจารณา ที่ ๕๗/๒๕๕๕ วันที่ ๑๖ พฤษภาคม
                     ๒๕๕๖ เรื่อง พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๗๔

                                      ดังมีรายละเอียดในคำาวินิจฉัย คือ

                                      พระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรงฯ มาตรา ๕๔/พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ฯ
                     มาตรา ๗๔ เป็นข้อสันนิษฐานตามกฎหมายที่มีผลเป็นการสันนิษฐานความผิดของจำาเลย โดยโจทก์

                     ไม่จำาต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงการกระทำาหรือเจตนาของจำาเลยก่อน เป็นการนำาความผิดของบุคคลอื่นมา
                     เป็นเงื่อนไขของการสันนิษฐานให้จำาเลยมีความผิดและต้องรับโทษทางอาญา เนื่องจากสันนิษฐานว่า

                     ถ้าผู้กระทำาความผิดเป็นนิติบุคคล ให้กรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบดำาเนินงาน
                     ของนิติบุคคลต้องร่วมรับผิดด้วย เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่าตนไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการกระทำาความผิดของ

                     นิติบุคคลนั้น  โดยโจทก์ไม่ต้องพิสูจน์ถึงการกระทำาหรือเจตนาของกรรมการผู้จัดการฯ คงพิสูจน์เพียง
                     ว่านิติบุคคลกระทำาความผิด และจำาเลยเป็นกรรมการผู้จัดการฯ จึงเป็นการสันนิษฐานแต่แรกแล้วว่า

                     กรรมการผู้จัดการฯ กระทำาความผิดด้วย อันเป็นการผลักภาระการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ไปยังกรรมการ
                     ผู้จัดการฯ บทบัญญัติดังกล่าวจึงเป็นการสันนิษฐานความผิดของผู้ต้องหาและจำาเลยในคดีอาญา
   256   257   258   259   260   261   262   263   264   265   266