Page 256 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 256
254 ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เล่ม ๑ ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗
๒.๒) ควรพิจารณาเงื่อนไขข้อยกเว้นให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลสามารถเก็บ
รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยไม่ต้องขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
(มาตรา ๑๙) อย่างรอบคอบ
๒.๓) ควรพิจารณาว่าข้อมูลส่วนบุคคลอันมีลักษณะต้องห้าม (มาตรา ๒๓)
พิจารณาบนหลักเกณฑ์ใด มีมาตรการควบคุมเมื่อนำาไปใช้ในเชิงธุรกิจหรือการพาณิชย์อย่างไร
๓) ผู้แทนสำานักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ให้ข้อมูลและความเห็น
ต่อกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ ดังนี้
๓.๑) เมื่อบทบัญญัติทางกฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารซึ่งอยู่ภายใต้การบังคับใช้
ของหน่วยงานของรัฐหน่วยงานใด ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ ศาล
ปกครองเคยมีคำาวินิจฉัยว่า เป็นไปตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการฯ หากหน่วยงาน
ของรัฐเห็นว่า ข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความดูแลเรื่องใดไม่อาจเปิดเผยได้ ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติฯ
มาตรา ๑๕ หากหน่วยงานของรัฐปฏิเสธว่าไม่มีข้อมูลข่าวสารตามที่มีคำาขอ และผู้มีคำาขอไม่เชื่อ
ก็อาจร้องเรียนต่อคณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้ (มาตรา ๓๓) หากผู้ใดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐ
ไม่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร หรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ก็อาจร้องเรียนต่อคณะกรรมการ
เว้นแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการมีคำาสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร หรือคำาสั่งไม่รับฟังคำาคัดค้าน หรือคำาสั่ง
ไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล (มาตรา ๑๓)
๓.๒) ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ มาตรา ๒๓ กำาหนดข้อห้าม
มิให้เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอันมีลักษณะต้องห้าม และวรรคสอง กำาหนดว่าให้ผู้ควบคุมข้อมูล
ส่วนบุคคลเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอันมีลักษณะต้องห้ามได้เมื่อได้รับความยินยอมเป็นหนังสือ
จากเจ้าของข้อมูล หรือในกรณีตามที่กำาหนด รวมถึงกรณีตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง (๓) เป็นความ
จำาเป็นอื่นตามที่กำาหนดในกฎกระทรวง ซึ่งก็คือแนวปฏิบัติในการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลอันมีลักษณะ
ต้องห้าม อย่างไรก็ตาม ระหว่างร่างกฎหมายยังไม่มีผลใช้บังคับ สำานักนายกรัฐมนตรีจะกำาหนดเป็น
หลักเกณฑ์หรือแนวทางไปพลางก่อน
๔) ผู้แทนสำานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ข้อมูลและความเห็นต่อกฎหมายว่า
ด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ ดังนี้
๔.๑) ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ เป็นกฎหมายกลางในการ
คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือที่มีกฎหมายเฉพาะอยู่แล้ว เช่น พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร
ของราชการฯ ซึ่งคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในความควบคุมของหน่วยงานราชการ ส่วนรัฐวิสาหกิจ
อยู่ภายใต้ทั้งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูล
ส่วนบุคคลฯ
๔.๒) เจตนารมณ์ของร่างพระราชบัญญัตินี้ มาตรา ๕ คือ เพื่อกำากับดูแลผู้ควบคุม
ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป เว้นแต่ที่เป็นหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการ