Page 255 - ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ : เล่ม 1 ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 - 31 ธันวาคม 2557
P. 255
253
ประมวลรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เล่ม ๑ ระหว่าง ๑ มีนาคม ๒๕๕๔ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗
๓.๓ ความเห็นของหน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้อง
๓.๓.๑ ความเห็นจากการสัมมนารับฟังความเห็น
คณะอนุกรรมการด้านเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย
และกฎ เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ได้จัดสัมมนารับฟังความเห็น เรื่อง กฎหมายและกลไก
คุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อรับฟังความเห็นจากนักวิชาการ
ผู้ปฏิบัติงาน ผู้ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับสภาพปัญหาการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูล
ส่วนบุคคล โดยแบ่งการสัมมนาเป็น ๓ ครั้ง คือ
ครั้งที่ ๑ กลุ่มนักวิชาการ
เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๗ ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น
ครั้งที่ ๒ กลุ่มผู้ปฏิบัติและผู้ได้รับผลกระทบ
เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๗ ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น
ครั้งที่ ๓ หน่วยงานของรัฐ องค์การพัฒนาเอกชน ภาคเอกชน
เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๗
ณ สำานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ดังมีความเห็นจากผู้แทนหน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้องมีสาระสำาคัญ ดังนี้
๑) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นนทวัชร์ นวตระกูลพิสุทธ์ นักวิชาการ ให้ข้อสังเกตต่อ
ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฯ ดังนี้
๑.๑) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (มาตรา ๓) หมายถึง ช่างเทคนิค หรือผู้บริหาร
เจ้าของกิจการด้วย
๑.๒) การระบุให้กำาหนดข้อยกเว้นไม่ให้นำาบทบัญญัติแห่ง (ร่าง) พระราชบัญญัตินี้
ไปใช้กับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลโดยให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกานั้น (มาตรา ๕ วรรคท้าย) เปิด
โอกาสให้สามารถกำาหนดข้อยกเว้นได้ง่าย และการกำาหนดว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถ
เพิกถอนความยินยอมเมื่อไรก็ได้ เว้นแต่มีกฎหมายหรือสัญญาจำากัดสิทธิในการเพิกถอน (มาตรา ๑๖
วรรคท้าย) ทำาให้สามารถจำากัดสิทธิในการเพิกถอนของเจ้าของข้อมูลได้ง่าย
๑.๓) การให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเชิงธุรกิจหรือการพาณิชย์เมื่อเลิกกิจการ
ให้แจ้งเป็นหนังสือ เป็นมาตรการกำากับดูแลผู้ควบคุมข้อมูลดังกล่าวหลังเลิกกิจการเท่านั้น ควรมี
มาตรการกำากับดูแลเมื่อเริ่มกิจการด้วย
๒) ผู้แทนคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ให้ความเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติคุ้มครอง
ข้อมูลส่วนบุคคลฯ ดังนี้
๒.๑) ควรศึกษาเหตุผลที่ไม่ให้ใช้ร่างพระราชบัญญัตินี้กับบุคคลหรือนิติบุคคล
ซึ่งใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อกิจการสื่อมวลชน (มาตรา ๕ (๓)) หรือศึกษาตัวอย่างจาก
ประเทศอื่นเกี่ยวกับมาตรการควบคุมกิจการสื่อมวลชน