Page 62 - โครงการศึกษาวิจัย เรื่อง สิทธิชุมชนและผลกระทบโครงการพัฒนาภาคใต้
P. 62
๔๘
รัฐบาลเองก็สั่งให้ บริษัท ปตท. ทบทวนแผนการดําเนินโครงการ รวมทั้งการศึกษาของบริษัทญี่ปุ่นก็มี
ข้อสรุปว่า พื้นที่บริเวณทับละมุ จังหวัดพังงาไม่เหมาะที่จะวางท่อส่งน้ํามันและตั้งคลังเก็บน้ํามัน
เนื่องจากอยู่ในแนวที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากคลื่นยักษ์สึนามิ ส่วนการสร้างทุ่นรับเรือกลางทะเลก็
จะต้องห่างฝั่งอย่างน้อย ๕๐–๖๐ กิโลเมตร ซึ่งไม่คุ้มค่าการลงทุน กลางปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ทางกระทรวง
พลังงานจึงต้องสั่งชะลอโครงการออกไปอย่างไม่มีกําหนด อย่างไรก็ดี สําหรับเป้าหมายการพัฒนา
ประเทศเป็นศูนย์กลางการค้าพลังงานในภูมิภาคนั้นยังคงเดิม
ถึงแม้ว่าโครงการข้างต้นจะถูกชะลอไป แต่ก็ได้มีย่อยและแยกส่วนบางโครงการ
โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาสาธารณูปโภคต่าง ๆ เพื่อรองรับแผนพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคใต้และ
ยุทธศาสตร์พลังงานให้สามารถแบ่งส่วนทยอยดําเนินการได้ เช่น การก่อสร้างหลวงหมายเลข ๔๔ หรือ
ถนนเซาเทิร์นซีบอร์ด ขนาด ๔ ช่องจราจร ความยาว ๑๓๔ กิโลเมตร เพื่อเชื่อมฝั่งตะวันตก อําเภอเมือง
จังหวัดกระบี่ และฝั่งตะวันออก อําเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ลักษณะพิเศษของถนนเส้นนี้ คือ
มีการเว้นเกาะกลางถนนไว้กว้างประมาณ ๑๕-๑๘ เมตร สําหรับวางแนวท่อก๊าซและท่อน้ํามัน ตาม
รูปแบบของสะพานเศรษฐกิจที่กําหนดในแผนเซาเทิร์นซีบอร์ด การผลักดันที่โครงการพัฒนาแหล่งน้ํา
ต่าง ๆ ของกรมชลประทาน ได้แก่ โครงการอ่างเก็บน้ําคลองกลาย อ่างเก็บน้ําท่าทน อําเภอสิชล จังหวัด
นครศรีธรรมราช อ่างเก็บน้ําคลองลํารูใหญ่ อําเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา เขื่อนท่าแซะ อําเภอท่าแซะ
จังหวัดชุมพร ฯลฯ
๒) แผนพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคใต้ (พ.ศ. ๒๕๕๐–ปัจจุบัน)
หลังจากที่มีการชะลอแผนพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคใต้ดังกล่าวข้างต้น ต่อมาใน
ปี พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๑ พื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออกเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมและมีข้อจํากัดที่คาดว่าจะ
รองรับการพัฒนาได้ประมาณ ๕ ปี รัฐบาลในช่วงเวลาดังกล่าว โดยคณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่
๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ มอบหมายให้สํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ดําเนินการศึกษาความเหมาะสมของพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ในภาคใต้ สําหรับรองรับการพัฒนา
อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและพลังงานในอนาคตให้สอดคล้องกับศักยภาพและภูมิสังคม รวมถึง
อุตสาหกรรมของประเทศในอนาคต ทั้งนี้รวมถึงการรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านพลังงานที่จะ
ขยายตัวจากพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกมาสู่พื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ นโยบายดังกล่าวนี้สอดรับกับ
แผนพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมีระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๔๗–๒๕๖๑) ที่อยู่ในยุทธศาสตร์พลังงานเพื่อการ
แข่งขันของประเทศ
ต่อมาคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ให้สํานักงาน
คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ขอรับความช่วยเหลือทางวิชาการจากธนาคาร
เพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย เพื่อศึกษาการวางแผนพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน (Planning for