Page 58 - โครงการศึกษาวิจัย เรื่อง สิทธิชุมชนและผลกระทบโครงการพัฒนาภาคใต้
P. 58
๔๔
(๔) กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทางทะเล (Shipping-based Activities) ซึ่ง
อาจรวมถึงการบรรจุภัณฑ์ การเดินเรือในเส้นทางสายรอง และการขนส่งสินค้าข้ามคอคอด
(๕) อุตสาหกรรมแปรรูปและอุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้ทรัพยากรท้องถิ่น และ
หรือวัตถุดิบที่นําเข้า ซึ่งจะมีที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมที่ติดกับท่าเรือน้ําลึก หรือสถานที่ที่เหมาะสมอื่น ๆ
(๖) การพัฒนาเมืองเพื่อเพิ่มความได้เปรียบของพื้นที่ในการดึงดูดให้เกิดกิจการ
ต่อเนื่องจากการขนส่งทางทะเล อุตสาหกรรม การค้าและธุรกิจต่าง ๆ
รัฐบาลทุกชุดที่ผ่านมาต่างก็ให้ความสําคัญและสานต่อโครงการนี้ แต่เนื่องจากเป็น
แผนงานขนาดใหญ่ ต้องใช้งบประมาณจํานวนมาก การดําเนินการจึงไม่คืบหน้าตามแผน เพราะขาด
งบประมาณการลงทุนเป็นสาเหตุหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศประสบวิกฤติเศรษฐกิจในปี พ.ศ.
๒๕๔๐ การพัฒนาในภาพรวมก็ชะลอไป มีเพียงแต่การศึกษาของหน่วยงานปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง เช่น การ
พัฒนาธุรกิจน้ํามัน การจัดหาแหล่งน้ํา การพัฒนานิคมอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตามก็โครงการบางส่วนที่มี
การดําเนินการล่วงหน้าไปบ้างแล้ว อาทิเช่น โครงการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติบงกช–เอราวัณ–ขนอม
โครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติขนอม โรงไฟฟ้าพลังความร้อนที่อําเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดโครงการก็มีการขับเคลื่อนรุดหน้าอีกครั้งในคณะรัฐมนตรีชุด
นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร หลังจากมีการตั้งกระทรวงพลังงานในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ ภายใต้การ
ปฏิรูประบบราชการใหม่ โดยที่กระทรวงพลังงานมีอํานาจและภาระหน้าที่ตามกฎหมายในการจัดหา
พัฒนาและบริหารจัดการพลังงาน ซึ่งครอบคลุมการบริหารจัดการพลังงานทุกสาขา ทั้งไฟฟ้า น้ํามัน
และก๊าซธรรมชาติ ซึ่งก๊าซธรรมชาติและน้ํามันเป็นวัตถุดิบหลักของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนแรก นายแพทย์พรหมมินทร์ เลิศสุรีย์เดช มีนโยบายที่จะพัฒนา
อุตสาหกรรมปิโตรเคมีให้สอดคล้องกับการพัฒนาพลังงานของประเทศ จึงได้จัดทําแผนบูรณาการแผน
พลังงานและแผนอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และกําหนดให้ปิโตรเคมีเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งของกระทรวง
พลังงานที่จะเป็นตัวกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัว และเมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๔๖ คณะรัฐมนตรีก็ได้มี
มติเห็นชอบยุทธศาสตร์การพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพลังงานในภูมิภาค ซึ่งเป็นหนึ่งใน
“ยุทธศาสตร์พลังงานเพื่อการแข่งขันของประเทศไทย” ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยมีโครงการที่
เป็นหัวหอกสําคัญ ได้แก่ โครงการจัดตั้งศูนย์กลางการค้าน้ํามันที่ศรีราชา (Sriracha Hub) โครงการ
เส้นทางยุทธศาสตร์พลังงาน (Strategic Energy Land bridge, SELB) และโครงการจัดตั้งคอมเพล็กซ์
ปิโตรเคมี ระยะที่ ๓ ซึ่งโครงการเส้นทางยุทธศาสตร์พลังงาน ก็คือการพัฒนา “สะพานเศรษฐกิจ” และ
ส่วนต่อเนื่อง ที่ถือเป็นโครงการหลักตามแผนเซาเทิร์นซีบอร์ดนั่นเอง