Page 55 - โครงการศึกษาวิจัย เรื่อง สิทธิชุมชนและผลกระทบโครงการพัฒนาภาคใต้
P. 55
๔๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จึงได้มีการกําหนดนโยบายการปรับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลาง
พลังงานของภูมิภาค (Energy Trading Hub) และเป็นแหล่งรวมตลอดจนแหล่งกระจายพลังงานของ
ภูมิภาค ทั้งด้านไฟฟ้า น้ํามัน และก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งการพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมีให้สอดคล้อง
กับการพัฒนาพลังงานของประเทศ โดยให้จัดทําแผนบูรณาการระหว่างแผนพลังงานกับแผน
อุตสาหกรรมปิโตรเคมี และกําหนดให้เป็นยุทธศาสตร์หนึ่งของกระทรวงพลังงานที่จะเป็นตัวกระตุ้นให้
เศรษฐกิจขยายตัวตามเป้าหมายของรัฐบาล จึงทําให้กระทรวงพลังงานกลายเป็นหน่วยงานหลักที่
รับผิดชอบและมีบทบาทในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมีมาจนถึงปัจจุบัน ต่อมา
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ "ยุทธศาสตร์พลังงานครั้งที่ ๑ พลังงานเพื่อการแข่งขันของประเทศไทย"
เมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๔๖ ซึ่งกําหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาพลังงานของประเทศเป็น ๔ ยุทธศาสตร์หลัก
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาพลังงานของประเทศให้เกิดความมั่นคง และเพื่อเสริมสร้างศักยภาพใน
การแข่งขันของประเทศ
สําหรับยุทธศาสตร์การปรับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางพลังงานในภูมิภาค ได้กําหนด
เป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางซื้อขายพลังงาน (Energy Trading Hub) รวมทั้งพัฒนาให้เป็น
ธุรกิจปิโตรเคมีระดับโลก ตามกลไกและมาตรการต่าง ๆ ที่สําคัญ ดังนี้
๑) ปรับโครงสร้างและบทบาทของประเทศไทยจากผู้ซื้อไปเป็นผู้ค้าพลังงานในอนาคต
และสนับสนุนให้เกิดการลงทุนร่วมระหว่างประเทศผู้ใช้และผู้ผลิตน้ํามัน เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน และ
อินเดีย เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของภูมิภาค
๒) ดําเนินมาตรการที่จะลดหรือยกเลิกอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษในการซื้อน้ํามันดิบใน
ตลาดโลกด้วยการจัดตั้งเขต Export Free Zone (EFZ) เป็นเขตพื้นที่ส่งเสริมการส่งออกน้ํามัน
๓) พัฒนาระบบเครือข่ายสายส่งไฟฟ้า ระบบเครือข่ายท่อก๊าซ และระบบเครือข่าย
พลังงานอื่น ๆ เพิ่มการใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ให้เต็มประสิทธิภาพ ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งน้ํามัน
ทางท่อที่ก่อสร้างไว้แล้วและเชื่อมโยงระบบท่อขนส่งน้ํามันในภาคเหนือ-อีสาน และผลักดันระบบถนน
รถไฟ และการเดินเรือ เชื่อมโยงภูมิภาคจนถึงจีนตอนใต้ เพื่อขยายตลาดพลังงานสู่ประเทศเพื่อนบ้าน
๔) การพัฒนาเส้นทางของยุทธศาสตร์พลังงานภาคใต้ (Southern Strategic Energy
Land Bridge, SELB) เชื่อมโยงการผลิต และการขนส่งน้ํามันจากตะวันออกกลาง เอเชียใต้ ออกสู่เอเชีย
ตะวันออก โดยใช้ระบบท่อขนส่งน้ํามัน และสร้างระบบคลังน้ํามันสํารอง
๕) ผลักดันความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตในประเทศ เพื่อสร้างธุรกิจปิโตรเคมีในระดับโลก
ในปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๖ สํานักงานปลัดกระทรวงพลังงาน ก็ได้จัดจ้างสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย
ดําเนินการศึกษาและจัดทําแผนแม่บทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๔๗-๒๕๖๑) ด้วย