Page 97 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 97

แก่ตนเองหรือผู้อื่นในการกระทำาความผิดทางอาญา  ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตั้งแต่สามปี
                  ถึงจำาคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สามแสนบาทถึงห้าแสนบาท

                           ถ้ายาเสพติดให้โทษซึ่งเป็นวัตถุแห่งการกระทำาความผิดตามวรรคสามเป็นมอร์ฟีน

                  หรือโคคาอีน  ผู้กระทำาต้องระวางโทษเพิ่มขึ้นอีกกึ่งหนึ่ง  และถ้าเป็นการกระทำาต่อหญิง  หรือต่อ
                  บุคคล ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งล้านบาท
                  ถึงห้าล้านบาท

                           ถ้ายาเสพติดให้โทษซึ่งเป็นวัตถุแห่งการกระทำาความผิดตามวรรคสามเป็นเฮโรอีน ผู้กระทำา

                  ต้องระวางโทษเป็นสองเท่า  และถ้าเป็นการกระทำาต่อหญิงหรือต่อบุคคลซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะ
                  ผู้กระทำาต้องระว�งโทษประห�รชีวิต
                           (ยาเสพติดประเภทที่ ๑ เป็นยาเสพติดชนิดร้ายแรง ที่สำาคัญ คือ เฮโรอีน แอมเฟตามีน

                  อนุพันธ์แอมเฟตามีน หรือยาบ้า เอ็กซ์ตาซี เด็กซ์โตรไลเซอร์ไยด์ หรือแอลเอสดี และยาอีหรือยาเลิฟ)

                           จากข้อกำาหนดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวข้างต้น  จะเห็นได้ว่าประเทศไทยได้กำาหนด
                  ให้ความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่มีกำาหนดโทษสูงสุด คือ การต้องโทษประหารชีวิต อย่างไรก็ตาม
                  จากข้อกำาหนดของกฎหมายดังกล่าวข้างต้นได้กำาหนดให้ผู้กระทำาผิดเกี่ยวกับยาเสพติดประกอบด้วย

                  ผลิต นำาเข้า หรือส่งออก รวมทั้งจำาหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำาหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษ

                  ในประเภท  ๑  จะต้องโทษประหารชีวิต  อันแสดงให้เห็นว่าผู้ที่กระทำาผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
                  ในประเภทที่  ๑  ที่เป็นการกระทำาผิดที่รุนแรงจะต้องรับโทษประหารชีวิต  ซึ่งหากพิจารณาตาม
                  ข้อกำาหนดของกฎหมายดังกล่าวข้างต้น เป็นกฎหมายที่กำาหนดไว้โดยมีความสอดคล้องกับเจตนารมณ์

                  ขององค์การสหประชาชาติที่ได้กำาหนดขอบเขตของอาชญากรรมร้ายแรง คือ พฤติกรรมการกระทำาผิด

                  ที่มีเจตนาในการฆาตกรรมโดยมีผลทำาให้ผู้อื่นเสียชีวิต เนื่องจากพฤติกรรมการผลิตหรือการจำาหน่าย
                  ยาเสพติดส่งผลทำาให้ผู้เสพยาเสพติดมีปัญหาด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิตอันส่งผลต่อการเสียชีวิต
                  ในระยะยาว หรือผู้ติดยาเสพติดอาจเปรียบเสมือนผู้ที่ตายทั้งเป็น เนื่องจากไม่สามารถควบคุมสภาพ

                  ร่างกาย และสภาพจิตใจได้ นอกจากนี้ การเสพยาเสพติดยังส่งผลทางอ้อมต่อประชาชนทั่วไปในสังคม

                  เนื่องจากผู้เสพยาเสพติดอาจประกอบอาชญากรรม เพื่อให้ได้เงินมาซื้อยาเสพติดเพื่อเสพ นอกจากนี้
                  ผู้ที่เสพยาเสพติดส่วนหนึ่งเมื่อเสพยาเสพติดแล้วอาจมีอาการคลุ้มคลั่ง ทำาร้ายร่างกาย หรือฆาตกรรม
                  บุคคลรอบข้างได้  เพราะยาเสพติดที่ทำาให้เกิดอาการประสาทหลอน  ดังนั้น  จึงอาจกล่าวได้ว่า

                  การกำาหนดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการกระทำาผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้ต้อง

                  โทษประหารชีวิตมีความสอดคล้องกับเจตนารมณ์ขององค์การสหประชาชาติที่ได้กำาหนดขอบเขต
                  ของอาชญากรรมร้ายแรงดังกล่าวข้างต้น  เพราะการผลิต  หรือค้ายาเสพติด  เปรียบเสมือนการ
                  เจตนาในการฆาตกรรมบุคคลในสังคม ทั้งทางตรงและทางอ้อม

                           แต่อย่างไรก็ตาม หากผู้ที่ต้องโทษประหารชีวิต คือ ผู้ที่กระทำาผิดที่เกี่ยวข้องกับการผลิต

                  หรือการค้ายาเสพติดรายใหญ่อย่างแท้จริง การประหารชีวิตบุคคลดังกล่าว คือ การประหารชีวิต
                  ผู้ที่กระทำาผิดตามขอบเขตของอาชญากรรมร้ายแรงตามข้อกำาหนดขององค์การสหประชาชาติ






        84     คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
   92   93   94   95   96   97   98   99   100   101   102