Page 100 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 100
๒.๔.๕ กฎหม�ยระหว่�งประเทศ
สำาหรับความพยายามในการยกเลิกโทษประหารชีวิตในกรอบขององค์การระหว่าง
ประเทศ โดยนับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. ๑๙๔๕ องค์การสหประชาชาติได้ให้ความสำาคัญกับเรื่อง
การลงโทษประหารชีวิต แต่มิได้สนับสนุนให้มีการยกเลิกการใช้โทษประหารชีวิตโดยทันที ในกฎบัตร
สหประชาชาติได้ระบุเจตจำานงของประเทศผู้ร่วมก่อตั้งในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพ
พื้นฐาน โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ หลังจากนั้นได้มีความพยายามต่าง ๆ ในการคุ้มครองสิทธิ
มนุษยชนและการยกเลิกโทษประหารชีวิตเรื่อยมา โดยมีพัฒนาการของกฎหมายระหว่างประเทศ
ดังนี้
• ค.ศ. ๑๙๔๘ องค์การสหประชาชาติได้มีมติยอมรับปฏิญญาสากลว่าด้วย
สิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights) ซึ่งเป็นปฏิญญา
ที่มุ่งคุ้มครองสิทธิของปัจเจกชนจากการสูญเสียชีวิต (Deprivation of Life)
และจะไม่มีบุคคลใดได้รับการลงโทษที่ทารุณโหดร้าย หรือเลวทราม (cruel or
degrading punishment) แม้ว่าปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
จะไม่ห้ามหรือให้ยกเลิกการลงโทษประหารชีวิตไว้อย่างชัดเจนก็ตาม หากแต่
มีการตีความว่า การลงโทษประหารชีวิตถือได้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิต่อสิทธิ
ขั้นพื้นฐานดังกล่าวนี้
• ค.ศ. ๑๙๖๖ องค์การสหประชาชาติได้ยอมรับกติการะหว่างประเทศว่าด้วย
สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil
and Political Rights : ICCPR) กติกานี้บัญญัติว่า จะไม่มีบุคคลใดถูกทำาให้
สูญเสียชีวิตโดยปราศจากเหตุผล การลงโทษประหารชีวิตจะไม่นำาไปใช้
แก่สตรีตั้งครรภ์ หรือบุคคลที่อายุต่ำากว่า ๑๘ ปี ในขณะที่กระทำาความผิด
และจะไม่มีบุคคลใดถูกทรมานอย่างโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม
• ค.ศ. ๑๙๘๔ คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ (UN Economic
and Social Council : ECOSOC) มีมติยอมรับมาตรการปกป้องคุ้มครอง
และให้หลักประกันในสิทธิของผู้ที่จะได้รับโทษประหารชีวิต (Safeguards
Guaranteeing Protecting of the Rights of Those Facing the Death
Penalty) ซึ่งในปีเดียวกันนี้ มตินี้ได้รับฉันทามติจากที่ประชุมสมัชชาใหญ่
แห่งสหประชาชาติ (UN General Assembly) ภายใต้มาตรการปกป้อง
คุ้มครองนี้ บุคคลที่มีอายุต่ำากว่า ๑๘ ปี จะไม่ถูกลงโทษประหารชีวิต
และบุคคลที่ถูกลงโทษประหารชีวิตมีสิทธิที่จะอุทธรณ์และร้องขออภัยโทษ
หรือร้องขอโทษที่เบากว่า
โทษประหารชีวิตในประเทศไทย 87