Page 98 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 98
หากแต่สำาหรับผู้ที่ต้องโทษในคดียาเสพติดที่ต้องโทษประหารชีวิตโดยส่วนใหญ่ของประเทศไทย
มักเกิดจากการครอบครองยาเสพติดไว้จำานวนมากตามที่กฎหมายกำาหนดให้ต้องโทษประหารชีวิต
หรืออาจกล่าวได้ว่าผู้ต้องโทษประหารชีวิตที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในประเทศไทยมักเกี่ยวข้อง
กับการกระทำาผิดในคดียาเสพติดโดยการครอบครอบยาเสพติด หากแต่ไม่ใช่ผู้ผลิต หรือผู้ค้ารายใหญ่
อย่างแท้จริงมากนัก โดยผู้ที่ถูกจับกุมและดำาเนินคดีส่วนหนึ่งมักเป็นลิ่วล้อในขบวนการค้ายาเสพติด
โดยอาจเป็นเพียงผู้รับจ้างลำาเลียง ขนยาเสพติด หรือเป็นผู้ค้ายาเสพติดที่ไม่ใช่พ่อค้ารายใหญ่อย่าง
แท้จริง
จึงอาจกล่าวได้ว่า หากผู้กระทำาผิดในคดียาเสพติดที่ต้องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
เป็นผู้ผลิต หรือผู้ค้ารายใหญ่ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคมอย่างแท้จริง การประหารชีวิต
ผู้กระทำาผิดดังกล่าวก็มีความเหมาะสมตามขอบเขตของอาชญากรรมร้ายแรงตามข้อกำาหนด
ขององค์การสหประชาชาติ หากแต่ปัจจุบันผู้ต้องโทษประหารชีวิตในคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
มักเกิดจากการมียาเสพติดจำานวนมากไว้ในครอบครอง โดยอาจเป็นเพียงผู้รับจ้างส่งยาเสพติดเท่านั้น
ซึ่งไม่ใช่ผู้ผลิต หรือผู้ค้ายาเสพติดรายสำาคัญอย่างแท้จริง ซึ่งแม้ผลของการกระทำาผิดจะส่งผลทำาให้
เกิดผลกระทบต่อผู้เสพและประชาชนทั่วไปเช่นเดียวกัน หากแต่ลักษณะพฤติกรรมการกระทำาผิด
ของบุคคลดังกล่าวข้างต้นมีความแตกต่างจากผู้ผลิต หรือผู้ค้ารายใหญ่ที่มีเจตนาในการกระทำาผิด
และก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคมอย่างชัดเจน ซึ่งหากมีการประหารชีวิตบุคคลที่เป็นผู้ผลิต หรือ
ผู้ค้ารายใหญ่ได้ จะเป็นการตัดวงจรของค้ายาเสพติดให้หมดสิ้นไปที่ต้นเหตุ แต่หากมีการประหารชีวิต
ผู้ที่ครอบครองยาเสพติดจำานวนมากไว้ หากแต่ไม่ใช่ผู้ผลิตหรือผู้ค้ารายใหญ่อย่างแท้จริง ก็ไม่อาจ
ทำาให้การประหารชีวิตเป็นการแก้ไขปัญหายาเสพติดแต่ประการใด ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า
หากประเทศไทยมีการใช้โทษประหารชีวิตสำาหรับผู้กระทำาผิดในคดียาเสพติดที่มีลักษณะเป็นผู้ผลิต
หรือผู้ค้ารายใหญ่อย่างแท้จริง จะเป็นการประหารชีวิตผู้ที่กระทำาผิดในอาชญากรรมร้ายแรงตาม
ข้อกำาหนดขององค์การสหประชาชาติ แต่หากประหารชีวิตผู้ที่ครอบครองยาเสพติดจำานวนมาก
ที่เปรียบเสมือนลิ่วล้อของขบวนการค้ายาเสพติด ก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นการประหารชีวิตผู้ที่ประกอบ
อาชญากรรมที่ไม่ใช่กระทำาผิดในอาชญากรรมร้ายแรงตามข้อกำาหนดขององค์การสหประชาชาติ
๒.๔.๔ อนุสัญญ�ต่อต้�นก�รทรม�น และก�รประติบัติหรือก�รลงโทษอื่น
ที่โหดร้�ย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำ�ยีศักดิ์ศรี (Convention against
Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading
Treatment or Punishment : CAT)
สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้รับรองอนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และการ
ประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำายีศักดิ์ศรี เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๒๗
และมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๓๐ ประกอบด้วยวรรคอารัมภบท และบทบัญญัติ
๓๓ ข้อ แบ่งออกเป็น ๓ ส่วน และมีผลบังคับใช้ในประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๐
โทษประหารชีวิตในประเทศไทย 85