Page 84 - รายงานการศึกษาเรื่องโทษประหารชีวิตในประเทศไทย
P. 84
มีชีวิตอยู่ต่อไป การลงโทษประหารชีวิตซึ่งเป็นกระบวนการลงโทษผู้กระทำาผิดที่ยังคงมุ่งเน้นการ
ทำาลายชีวิตของผู้กระทำาผิด จึงเป็นการลงโทษที่ขัดต่อสถานการณ์ของการให้ความสำาคัญต่อ
หลักสิทธิมนุษยชนของประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกในปัจจุบัน ซึ่งแนวทางที่สำาคัญในการเคารพ
สิทธิมนุษยชนของประชาชนในสังคมแนวทางหนึ่งที่สำาคัญ คือ การยกเลิกโทษประหารชีวิต
สำาหรับประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศส่วนน้อยในโลกที่ยังคงมีการใช้โทษประหารชีวิต
สำาหรับลงโทษผู้กระทำาผิด จึงอาจเป็นการใช้มาตรการลงโทษผู้กระทำาผิดที่สวนทางกับแนวคิดเรื่อง
สิทธิมนุษยชนที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการตอบสนองต่อกระแสการคุ้มครอง
สิทธิมนุษยชนของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน รวมทั้งเพื่อทำาให้การปฏิบัติต่อผู้กระทำาผิด
มีมนุษยธรรมและมีมาตรฐานสากลมากขึ้น ดังนั้น ประเทศไทยอาจต้องมีการทบทวนถึงการใช้
โทษประหารชีวิต ประกอบกับประเทศไทยได้มีการจัดทำาแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ ๒
ที่ได้กำาหนดตัวชี้วัดกลยุทธ์หลักนี้ไว้เพื่อให้บรรลุตามเป้าประสงค์ของแผน ซึ่งหนึ่งในตัวชี้วัด คือ
ต้องมีการผลักดันให้กฎหมายที่มีอัตราโทษประหารชีวิตได้เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาให้มีการ
ยกเลิกให้เป็นโทษจำาคุกตลอดชีวิต ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงประเทศไทยได้มีการเตรียม
ความพร้อมที่จะยกเลิกการใช้โทษประหารชีวิต เพื่อคำานึงถึงสิทธิมนุษยชนของประชาชนในประเทศ
เป็นสำาคัญ
๒.๓.๒ ก�รเปลี่ยนแปลงแนวคิดด้�นก�รลงโทษและก�รปฏิบัติต่อ
ผู้กระทำ�ผิด
สำาหรับแนวคิดด้านการลงโทษและการปฏิบัติต่อผู้กระทำาผิดที่เกิดขึ้นในยุคต่าง ๆ
ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน สรุปได้ดังนี้
๑) ก�รลงโทษเพื่อแก้แค้นทดแทน (Retribution)
เป็นการลงโทษที่มีมาตั้งแต่อดีต หากแต่รูปแบบของการลงโทษจะมี
ความโหดร้ายทารุณเพื่อเป็นการแก้แค้นทดแทนการกระทำาผิดของอาชญากรเป็นสำาคัญ เช่นเดียวกับ
การใช้โทษประหารชีวิตที่มีเพื่อเป็นการแก้แค้นทดแทนผู้กระทำาผิดให้ได้รับผลร้ายจากการกระทำาผิด
เพื่อทำาให้คนในสังคมเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมมีความยุติธรรมอย่างแท้จริง หากแต่ปัจจุบันแนวคิด
ในการลงโทษผู้กระทำาผิดเพื่อเป็นการแก้แค้นทดแทนไม่ค่อยมีการนำามาใช้ในประเทศต่าง ๆ มากนัก
ดังจะเห็นได้จากประเทศส่วนใหญ่มีการยกเลิกโทษประหารชีวิต รวมทั้งการลงโทษที่มีมนุษยธรรม
มากขึ้น แทนการลงโทษต่อเนื้อตัวและการทรมานที่มีความโหดร้ายดังเช่นในอดีต
๒) ก�รลงโทษเพื่อข่มขวัญยับยั้ง (Deterrence)
เป็นการลงโทษเพื่อป้องกันการกระทำาผิด โดยทำาให้ผู้กระทำาผิดรู้สึกว่า
ผลของการกระทำาผิดก่อให้เกิดความเจ็บปวดและไม่ก่อให้เกิดผลดี โดยเป็นการลงโทษเพื่อข่มขวัญ
ยับยั้งเฉพาะบุคคลและเป็นการข่มขวัญยับยั้งทั่วไปในสังคม ซึ่งการใช้โทษประหารชีวิตในสังคม
นับตั้งแต่อดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบันมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการข่มขวัญยับยั้งบุคคลทั่วไปในสังคม
โทษประหารชีวิตในประเทศไทย 71