Page 678 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 678
ผลจากการศึกษาวิจัยจากการสนทนากลุ่ม พบความเห็นในทิศทางเดียวกัน
ค่อนข้างชัดเจน ดังตัวอย่างข้อมูลบางส่วนจากการสนทนากลุ่ม
ระบบหนึ่งเรียกว่างานมอบหมาย งานมอบหมายไม่ได้ก าหนดไว้ในโครงสร้าง
งาน แต่กลายเป็นงานส่วนใหญ่
เจ้าหน้าที่ต้องท าหน้าที่สนับสนุนอนุกรรมการ หากมีประชุมบ่อยก็ยิ่งงาน
หนัก และไม่มีเวลาไปท างานหลัก คือ “งานตรวจสอบ” กลายเป็นท างาน
เลขานุการ งานธุรการ การจัดประชุม การเบิกเงิน ฯลฯ
เจ้าหน้าที่ต้องไปสนับสนุนงานของหลายอนุกรรมการ
แนวคิดการแก้ไขปัญหา
ั
ซึ่งข้อมูลจากการศึกษาวิจัย พบแนวทางแก้ไขปญหาสรุปสาระส าคัญดังต่อไปนี้
1. ส านักงานควรมีการปรับโครงสร้างบุคลากรให้เหมาะสมกับงานและปริมาณ
งาน โดยจะต้องมีความสอดคล้องกับศักยภาพของเจ้าหน้าที่แต่ละท่าน
2. ก าหนดขอบเขตการท างานให้ชัดเจนในทางปฏิบัติ รวมถึงการจัดท าระบบ
ตรวจสอบ ดูแลเจ้าหน้าที่ ให้ท างานในหน้าที่หลักของตนเองอย่างเต็มที่
เนื่องจากการรับงานจ านวนมากเกินไปหรือหลากหลายเกินไปจะท าให้การ
ท างานหลักของตนเองไม่มีประสิทธิภาพ จึงควรมีการจัดสรรบุคลากรให้
เหมาะสมกับเนื้อหาของงาน ทั้งในเรื่องของศักยภาพและปริมาณของ
บุคลากร
8.1.3 การบริหารจัดการ มอบหมายงานและการแบ่งงาน
ข้อจ ากัดที่เกิดจากการบริหารจัดการ และการมอบหมาย กระจายงานที่แตกต่าง
กัน ส่งผลท าให้การท างานของแต่ละกลุ่มงานมีระบบการท างาน มาตรฐาน ฯลฯ ที่
แตกต่างกัน บางกลุ่มท างานเป็นระบบและงานเดินหน้าเร็ว ในขณะที่บางกลุ่มท างานได้
ั
ช้า ปรับตัวในการท างานล าบาก โดยผลการศึกษาวิจัยเชิงส ารวจต่อปญหาดังกล่าว
จ าแนกเป็น 2 ด้าน คือ 1) การบริหารงานที่ไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน 2) การมอบหมาย
ั
งานที่ไม่เป็นระบบ พบว่ามีปญหาในระดับ “มาก” ทั้ง 2 ด้าน โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.96
และ 4.06 ตามล าดับ
ขณะที่ผลการศึกษาวิจัยในขั้นตอนที่ 2 ด้วยการสนทนากลุ่มพบข้อสรุปที่
สอดคล้องกัน ดังข้อมูลบางส่วน
- 559 -

