Page 677 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 677
หลายประการ โดยส่วนใหญ่เน้นที่การสร้างเครือข่ายใหม่ๆ การพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ
รวมถึงบทบาทการมีส่วนร่วมของเครือข่ายในพื้นที่ ดังนี้
1. การหาพันธมิตร หรือเครือข่ายที่ท างานด้านสิทธิมนุษยชน ให้มาช่วยในเรื่อง
ของภาคประชาสังคมให้มากขึ้น เช่น หน่วยงานราชการ หน่วยงานอิสระ
(NGO) มูลนิธิ สมาคม (ที่ไม่เล่นการเมือง ไม่แสวงหาผลก าไร ท าเพื่อ
สาธารณชน และมีการจดทะเบียน)
2. เน้นการสร้างบทบาทในกลุ่มเครือข่ายที่มีอยู่แล้ว ซึ่งได้แก่ สถาบันการศึกษา
และกลุ่ม NGO ต่างๆ ให้มากขึ้น
3. จัดเวทีสาธารณะ หรือจัดท าโครงการ กสม. พบประชาชนให้บ่อยขึ้น ซึ่งโดย
ปกติจัดประมาณ ปีละ 2 ครั้ง
4. การท ากิจกรรมในเชิงส่งเสริม เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่มีความรู้เรื่อง
ั
การละเมิดสิทธิฯ และเพื่อช่วยลดทอนปญหาการละเมิดสิทธิฯ
ั
5. การใช้ประโยชน์จากเครือข่าย จากการเป็นคนที่อยู่ในพื้นที่ปญหา อาทิ การ
หาข้อเท็จจริงเบื้องต้น ให้ค าแนะน าเกี่ยวกับพื้นที่ เพราะทางเครือข่ายต่างๆ
จะมีความรู้ในด้านพื้นที่มากกว่าเจ้าหน้าที่ส่วนกลางของ กสม. ฯลฯ
6. การท างานเชิงรุก โดยการสร้างกลไกที่จะเชื่อมโยงไปยังพื้นที่ต่างๆ เช่น
เครือข่ายอาสาสมัครในพื้นที่ หรือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งจะช่วย
เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน และยังจะเพิ่มทักษะ
้
ความช านาญในการปกปองคุ้มครองสิทธิของตนเอง เพื่อเป็นการลดทอน
ั
ปญหา
7. ควรมีนโยบาย หรือระเบียบที่จะเปิดเผยข้อมูลในทุกขื้นตอนออกสื่อ
สาธารณะ ยกเว้นแต่ข้อมูลที่เป็นส่วนบุคคล เพื่อที่จะให้ประชาชนทั่วไป
เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น
8.1.2 ความชัดเจนในขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบ
ั
ความชัดเจนในการก าหนดขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบ เป็นปญหา ข้อจ ากัด
ั
ที่เกิดขึ้นในระดับปฏิบัติ ซึ่งส่งผลกระทบกับปญหาความล่าช้าของกระบวนการตรวจสอบ
้
โดยผลการศึกษาวิจัยเชิงส ารวจจากกลุ่มเปาหมายเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ พบว่า
ั
ข้อจ ากัดดังกล่าวเป็นปญหาในการท างานระดับ “มาก” ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.35
- 558 -

