Page 595 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 595
ข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจแทรกซ้อนเป็นอีกด้านที่สะท้อนถึง ความไม่ชัดเจนในเรื่องการ
ก าหนดขอบเขตความรับผิดชอบ ดังตัวอย่างค าให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่
ั
ั
เจ้าหน้าที่ “เรื่องงานจริงๆ ไม่มีปญหา มีการแบ่งงานกันอยู่แล้ว แต่มันมีปญหาที่
ตามมาคือ ภาระงานที่มันแทรกซ้อนเกิดขึ้น เช่น คณะท างานไปประชุม
ข้างนอก ซึ่งเกิดขึ้นบ่อย ท าให้เวลาในการท างานเราน้อยลง”
“งานในหน้าที่มันไม่ได้มากมายเกิน คือเรามองเห็นว่าค าร้องเรามีเท่านี้
มันจะเป็น สเต็ปค าร้องเข้ามา ค าร้องใหม่มาก็สืบหาข้อเท็จจริง ค าร้องเก่า
ก็อยู่ระหว่างรอข้อมูล แต่หากมีงานอื่นๆ เข้ามา เช่น ส านักงานให้ไป
ประชุม งานตรงนี้ต้องหยุดแล้ว”
้
ประเด็นที่น่าสนใจ ข้อมูลจากกลุ่มเปาหมายเจ้าหน้าที่ 16 ราย เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
คือ ต้องท างานหลายลักษณะ ซึ่งผู้ให้สัมภาษณ์ใช้ค าว่า 3 กลุ่มคืองานหลัก งานรอง และงานอื่นๆ
โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) งานหลัก ส่วนใหญ่คือ งานรับผิดชอบค าร้อง/ตรวจสอบค าร้อง ที่ได้รับมอบหมายจาก
ส านักงาน โดยท างานภายใต้คณะอนุกรรมการที่เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ที่ตนเอง
สังกัด ซึ่งมีลักษณะงานคือ ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากส านวนค าร้อง ซึ่งท าได้โดยการ
ลงพื้นที่ตรวจสอบ ติดต่อประสานงานเพื่อขอข้อมูลจากผู้ร้อง ผู้ถูกร้อง และผู้ที่
เกี่ยวข้องอื่นๆ ซึ่งในที่นี้อาจเป็นบุคคล หรือหน่วยงานของรัฐ/หน่วยงานเอกชน เพื่อ
รวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริง น าเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อขอค าปรึกษา แนว
ทางการท างาน และมติจากที่ประชุม เพื่อหาข้อสรุปและน าไปสู่การเขียนเป็นรายงาน
ผลการตรวจสอบ อย่างไรก็ตามมีเจ้าหน้าที่บางท่านที่รับผิดชอบงานในส่วนของการ
รับเรื่องร้องเรียน ซึ่งลักษณะงานพบว่า มีความคล้ายคลึงกัน
่
2) งานรอง ส่วนใหญ่คือ งานฝายเลขานุการ ภายใต้คณะอนุกรรมการในด้านต่างๆ ที่
ตนเองสังกัด ลักษณะงานคือ การดูแลขออนุมัติการจัดประชุม ท าเอกสารการประชุม
่
การบันทึก/สรุปรายงานการประชุม ท าหนังสือเชิญฝายต่างๆ เพื่อมาชี้แจงข้อเท็จจริง
และงานเกี่ยวกับงบประมาณ เช่น การยืมเงิน/คืนเงิน ฯลฯ ซึ่งโดยปกติตามโครงสร้าง
พบว่า หน้าที่นี้จะมีนักจัดการงานทั่วไปประจ าอยู่ในแต่ละกลุ่มงาน แต่ในทางปฏิบัติ
- 487 -

