Page 500 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 500
มนุษยชน 46 ประเทศได้ลงคะแนนเสียงสนับสนุนท่าทีของประธานคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน ท า
ให้แคนาดาเป็นประเทศเดียวที่ลงคะแนนเสียงคัดค้านเอกสารนี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ส่วน
หนึ่งอาจสะท้อนให้เห็นว่าการด าเนินภารกิจของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนอาจไม่ใช่เรื่องง่ายและปู
ด้วยกลีบกุหลาบเมื่อค านึงถึงว่าเป็นการเริ่มต้นฉากใหม่หรือชีวิตใหม่ของกลไกส่งเสริมและ
คุ้มครองสิทธิมนุษยชนในกรอบสหประชาชาติ อีกทั้งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า
การหารือเพื่อจัดท าโครงสร้างพื้นฐานการด าเนินงานของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนท าให้เกิด
ช่องว่างในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ดังนั้น จึงมีความจ าเป็นที่คณะ
มนตรีสิทธิมนุษยชนต้องเริ่มปฏิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเอาจริงเอาจัง และขณะที่
คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนได้เริ่มปฏิบัติภารกิจจริงแล้วในปีต่อมาก็ปรากฏว่าประสบความท้าทาย
หลายประการทั้งในเรื่องของรายละเอียดในทางปฏิบัติที่ยังไม่มีความชัดเจน การพิจารณารายงาน
การทบทวนและพัฒนาการด าเนินงานของกลไกพิเศษ ความท้าทายใหม่ๆ ด้านสิทธิมนุษยชน
และก าหนดเวลาการประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนและการประชุมที่เกี่ยวข้องซึ่งครอบคลุม
เวลาและภารกิจส่วนใหญ่ของคณะทูตต่างๆ ในนครเจนีวา
-การหารือในกรอบคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนและการจัดท าโครงสร้างและ
ั
แนวทางการด าเนินงานของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนที่ผ่านมาในทางปฏิบัติยังคงประสบปญหา
และจุดอ่อนส าคัญของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนในเรื่องการท าให้สิทธิมนุษยชนเป็นประเด็น
ทางการเมือง การเลือกปฏิบัติ และทวิมาตรฐาน อีกทั้งยังมีการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มภูมิภาคซึ่ง
มีการแบ่งแยกอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นและไม่ส่งเสริมหลักการการหารือและความร่วมมือที่
สร้างสรรค์ การสร้างความโปร่งใสและการคาดการณ์ได้เกี่ยวกับการประชุมฯ ตลอดจนยังไม่มีการ
อนุวัติข้อมติและข้อตัดสินใจต่างๆ ที่ได้รับการรับรองอย่างมีประสิทธิภาพ และการอนุวัติพันธกรณี
ด้านสิทธิมนุษยชนของรัฐยังต้องการเจตนารมณ์ทางการเมืองและการปฏิบัติในระดับรากเหง้ามาก
ขึ้น ส่งผลให้สิทธิของคนทุกคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์โดยเฉพาะเหยื่อผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่ได้
รับการคุ้มครองอย่างแท้จริง
ั
-ปญหาที่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนอาจประสบมากขึ้นในอนาคต ได้แก่
การด าเนินงานที่ซ ้าซ้อนระหว่างกลไก UPR กับกลไกกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะการ
จัดท ารายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศที่ถูกทบทวน ความน่าเชื่อถือของกลไก UPR
ช่องว่างที่ขยายกว้างขึ้นเกี่ยวกับท่าทีในประเด็นที่ความละเอียดอ่อนและอยู่ในความสนใจของกลุ่ม
ความร่วมมือใดเป็นการเฉพาะ อาทิ เรื่องการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ ชาติพันธุ์ การ
เกลียดชังผู้แปลกแยก และการไม่มีความอดกลั้นที่เกี่ยวข้อง การสังหารนอกกระบวนการยุติธรรม
การลงโทษประหารชีวิต การก าหนดความสมดุลระหว่างเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความ
- 394 -

