Page 141 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 141

ั
                  บัญญัติให้สิทธิมนุษยชน ได้รับการรับรองตามหลักสากล รัฐธรรมนูญของชาติ และหลักปญจศิลา
                  และประกาศรับรองอ านาจของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ให้เป็นไปตามกฎหมาย ขจัด

                  ข้อครหาของสังคมโลกว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ไม่เป็นอิสระ เพราะจัดตั้งขึ้นโดย

                  ค าสั่งประธานาธิบดี ในสมัย ซูฮาร์โต และกฎหมายอีกฉบับ คือ การจัดตั้งศาลสิทธิมนุษยชน
                  (Legislation  No.39/2000 concerning  Human  Rights  Courts) อีกทั้งเดือนกันยายน 2548

                  รัฐบาลพลเอกซูซิโล บัมบัง ยุทโธโยโนได้ส่งหนังสือแสดงความจ านงขอเข้าเป็นภาคีกติการะหว่าง

                  ประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทาง

                  เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม

                         อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าการจัดตั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในปี 2536 นั้น มีผล

                  มาจากแรงกดดันของนานาชาติที่มีต่อประเทศอินโดนีเซีย และเป็นความก้าวหน้าอย่างหนึ่งใน

                  ด้านการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน แต่กระนั้นสังคมนานาชาติต่างเห็นว่าคณะกรรมการ

                  สิทธิมนุษยชนแห่งชาติอินโดนีเซียนี้ไม่มีความเป็นอิสระมากพอในการด าเนินงาน เพราะในช่วง

                  ของประธานาธิบดีซูฮาร์โตนั้น คณะกรรมการจัดตั้งโดยค าสั่งประธานาธิบดีและคณะกรรมการก็
                  ได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดีซึ่งย่อมท าให้ไม่เกิดความเป็นธรรมตามสิ่งที่ควรจะเป็น

                  เนื่องจากการแต่งตั้งนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์และเป็นไปไม่ได้ที่ประธานาธิบดีจะตั้ง

                  ให้ใครมีอ านาจในการตรวจสอบการด าเนินงานของตัวเอง ที่ได้ละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชน ซึ่ง

                  ต่อมาในปี 2542 รัฐสภาอินโดนีเซียได้ผ่านกฎหมายว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ให้คณะกรรมการสิทธิ

                  มนุษยชนแห่งชาติ มีอ านาจหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งไม่ต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของ

                  ประธานาธิบดีอีกต่อไป จึงท าให้การด าเนินงานนั้นท าได้ดีขึ้น

                         ต่อมาได้มีการจัดตั้งศาลสิทธิมนุษยชนใน ปี พ.ศ. 2543 ถือเป็นอีกความก้าวหน้าครั้ง
                  ส าคัญของอินโดนีเซียในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน โดยมีรัฐบัญญัติ ฉบับที่ 26/ 2000

                  (Legislation No.26/2000 Concerning Human Rights Courts) เป็นกฎหมายที่ให้จัดตั้งศาลสิทธิ

                  มนุษยชน โดยในกฎหมายนี้ได้ให้นิยามความหมายของสิทธิมนุษยชนว่า สิทธิมนุษยชน หมายถึง

                  สิทธิของมนุษย์ซึ่งเป็นนฤมิตรกรรมของพระเจ้า ที่ต้องได้รับการเคารพในฐานะที่เป็นมนุษย์ เป็น

                                                           ้
                  หน้าที่ของรัฐ รัฐบาลและมีกฎหมายในการปกปองคุ้มครอง เพื่อการเคารพ ศักดิ์ศรีและคุณค่าของ
                  ความเป็นมนุษย์ (มาตรา 1) มาตรา 2 บัญญัติให้ศาลสิทธิมนุษยชนเป็นศาลพิเศษ ภายใต้เขต

                  อ านาจศาลทั่วไป สามารถตั้งขึ้นในเมืองหลวงของภูมิภาคหรือเมืองกึ่งเมืองหลวงของภาค เขต

                  อ านาจศาลนั้นให้เป็นไปตามอ านาจของศาลจังหวัด เมื่อกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ ให้เริ่มจัดตั้งศาล

                  สิทธิมนุษยชนที่ จาการ์ตาส่วนกลาง (Central  Jakarta)  เมืองสุราบายา เมืองเมดาน และเมือง
                  มากัสซา



                                                          - 97 -
   136   137   138   139   140   141   142   143   144   145   146