Page 140 - รายงานฉบับสมบูรณ์ การประเมินศักยภาพและพัฒนาระบบงานและกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามมาตรา 257 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550
P. 140

4.4 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนประเทศอินโดนีเซีย



                         4.4.1 สถานการณ์ปัญหาสิทธิมนุษยชนที่ส าคัญของประเทศ/ภูมิภาค

                         ประเทศอินโดนีเซียถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนมากในล าดับต้นๆ

                  ของโลกเนื่องด้วยความหลากหลายทางภาษา ศาสนาและวัฒนธรรมประกอบกับเป็นประเทศที่มี

                  ภูมิประเทศเป็นเกาะแก่ง อีกทั้งจ านวนประชากรที่มีมากกว่า 200 ล้านคน จึงท าให้การปกครองใน
                                                                         ั
                  อินโดนีเซียค่อนข้างเป็นไปด้วยความยากล าบาก อีกทั้งยังมีปญหาในเรื่องของการมีส่วนร่วมใน

                  การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการมีส่วนร่วมทางการเมืองของพลเมือง
                  แต่ใช่ว่าอินโดนีเซียจะไม่ยอมรับหลักการสิทธิมนุษยชนสากลโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัย

                  ประธานาธิบดีซูฮาร์โต ที่มีทั้งการฆ่า การท าลายสิทธิในชีวิตของประชาชน โดยทหารหรือต ารวจ

                                                                                                      ั
                  ลับในติมอร์ตะวันออก หรือ ประเทศติมอร์เลสเต้ การละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานชนพื้นเมืองในปาปว
                  ตะวันตก การปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา

                  และการแสดงออกทางการเมือง ของประชาชน และสื่อมวลชนหรือ มีการละเมิดสิทธิระหว่างชาว

                  มุสลิมซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ กับชาวอินโดเชื้อสายจีน หรือ ระหว่างชาวมุสลิมกับศาสนิก

                  โปรแตสแตนท์
                                                                                       ั
                            โดยปกติหลักการปกครองของรัฐอินโดนีเซียนั้น ได้ยึดถือแนวทาง "ปญจศิลา" กล่าวคือ
                  ความเป็นรัฐเดียว นับถือพระเจ้าองค์เดียว ประชาธิปไตยจากผู้แทนของกลุ่มที่หลากหลาย รัฐและ

                  ประชาชนอยู่ด้วยกันบนพื้นฐานของความดีงาม และความเป็นธรรมเพื่อสังคมโดยรวม แต่

                  อินโดนีเซียภายใต้การปกครองของ ซูฮาร์โตที่ยึดหลัก "อ านาจรัฐคือค าสั่ง" ภายหลังจากการล้อม

                                                                                             ั
                  ปราบประชาชนที่ชุมนุมกันอย่างสงบในติมอร์ตะวันออกเมื่อปี 2534 กลับต้องฟงเสียงของ
                  นานาชาติด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติขึ้น ในปี 2536

                         ในช่วงเวลานั้นประธานาธิบดีซูฮาร์โตก็เล่นการเมืองระดับสากลด้วยการเข้าเป็นภาคี

                  สนธิสัญญาสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ 2 ฉบับ ได้แก่ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กในปี 2533

                  อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบในปี 2537 และมีค าสั่ง
                  ประธานาธิบดีจัดตั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในปี 2536 ต่อมาภายหลังการสิ้นอ านาจ

                  ของประธานาธิบดีซูฮาร์โต อินโดนีเซียจึงได้เข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาสิทธิมนุษยชนระหว่าง

                  ประเทศอีก 2 ฉบับในปี 2542 คือ อนุสัญญาต่อต้านการทรมาน และอนุสัญญาขจัดการเลือก

                  ปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ และในช่วงรัฐบาลพลเอกซูซิลโล บัมบัง ยุทโธโยโน ได้เสนอ

                  กฎหมายให้รัฐสภาพิจารณาเพื่อการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน 2 ฉบับ และบังคับใช้แล้ว

                  นั่น คือ กฎหมายว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Legislation No. 39/1999 Concern Human Rights) ที่


                                                          - 96 -
   135   136   137   138   139   140   141   142   143   144   145