Page 446 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 446

ให้กระทรวงการคลังโดยอนุมัติคณะรัฐมนตรี  มีอํานาจออกพันธบัตรเพื่อชําระราคาหรือค่า

                     ทดแทนตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง และมีอํานาจกําหนดอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาไถ่ถอน เงื่อนไข และ
                     วิธีการในการออกพันธบัตร ทั้งนี้ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
                            พันธบัตรตามวรรคสามเมื่อครบกําหนดชําระให้ชําระจากเงินของกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อ

                     เกษตรกรรม”
                            ต่อมาในปี 2520  ได้นําเงินจากกกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรตามพระราชบัญญัติกองทุน
                     สงเคราะห์เกษตรกร  พ.ศ. 2517 จํานวน 100  ล้านบาท  ไปให้เป็นกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อ

                     เกษตรกรรมในปี 2520
                            ต่อมาในวันที่ 1 กันยายน 2532  ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตร
                     กรม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2519  ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.

                     2518  โดยมีเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติดังกล่าวคือ ประเทศไทยได้จัดให้มีการปฏิรูปที่ดิน
                     เพื่อเกษตรกรรมมาระยะหนึ่งแล้ว  แต่การดําเนินการยังมีอุปสรรคทําให้การงานไม่อาจดําเนินไปโดย
                     เหมาะสมตามควร  สมควรขยายขอบเขตการจัดที่ดินในการปฏิรูปที่ดินให้กว้างขวางขึ้นให้สามารถ

                     ช่วยเหลือผู้ที่ประสงค์จะเป็นเกษตรกรได้ และอาจจัดที่ดินให้แก่ผู้ประกอบกิจการสนับสนุนและต่อเนื่อง
                     กับการปฏิรูปที่ดินได้ด้วย  เพื่อให้งานดําเนินไปครบวงจรของภาคเกษตรกรรม  นอกจากนั้น  ในการ
                                                        ั
                     จัดหาที่ดินมาดําเนินการปฏิรูปที่ดินได้มีปญหาว่าจะจัดซื้อที่ดินจากผู้ที่สมัครใจขายได้หมดทั้งแปลง
                                                             ั
                     หรือไม่  และการนําที่ดินของรัฐมาใช้จัดที่ดินมีปญหาว่า  ยังไม่มีแนวทางที่แน่ชัดระหว่างหน่วยงานที่
                                    ั
                     รับผิดชอบ เกิดปญหาว่า สํานักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) สมควรจะนําที่ดินส่วนใดมา
                     ใช้จัดได้เมื่อใดและเพียงใด  ทั้งยังมีข้อจํากัดที่ ส.ป.ก. จะเข้าดําเนินการในที่ดินที่มีผู้ประสงค์บริจาค
                     เพราะที่ดินนั้นต้องกลายเป็นที่ราชพัสดุและที่ดินอาจมีขนาดไม่กว้างมาก  ซึ่งไม่เหมาะสมที่จะกําหนด
                     เป็นเขตปฏิรูปที่ดินเล็ก ๆ โดยพระราชกฤษฎีกาหลายฉบับ ส่วนในขั้นนําที่ดินมาจัดให้แก่ประชาชนนั้น
                              ั
                     กฎหมายปจจุบันได้แยกข้อแตกต่างระหว่างที่ดินที่เป็นของรัฐมาแต่เดิมกับที่ดินที่ได้มาโดยการจัดซื้อ
                     หรือเวนคืน  ทําให้ไม่อาจจัดสิทธิในที่ดินให้แก่ประชาชนให้สอดคล้องกัน  สมควรแก้ไขโดยคํานึงถึง
                       ้
                     เปาหมายและความต้องการของผู้ขอรับการจัดที่ดินเป็นสําคัญเพื่อให้สิทธิในที่ดินมีส่วนเกื้อหนุนสภาพ
                     ความเป็นอยู่ในภาคเกษตรกรรมตามความเป็นจริง อนึ่งองค์ประกอบของคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อ
                     เกษตรกรรมและคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดและแนวทางในการกําหนดเขตปฏิรูปที่ดินยังไม่
                                                        ั
                     เหมาะสม  สมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายปจจุบันเสียใหม่   จึงมีการแก้ไขเพิ่มเติมระราชบัญญัติปฏิรูป
                     ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ใน 15 มาตรา ดังนี้

                            บทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรม (ฉบับที่ 3)  พ.ศ. 2532  ตาม
                     มาตรา 3   ให้ยกเลิกความในบทนิยามคําว่า “เกษตรกร”  ในมาตรา 4  แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูป

                     ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 บัญญัติว่า











                                                                                                     8‐11
   441   442   443   444   445   446   447   448   449   450   451