Page 15 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 15
2. กรอบคิดการวิจัย
2.1 ความเป็นมา
ั
ปญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยได้ขยายตัวไปอย่างกว้างขวางในทุกมิติและ
ทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติอันเป็นฐานชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
่
แม้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (ก.ส.ม.) จะได้แต่งตั้งอนุกรรมการด้านที่ดินและปาให้ทําหน้าที่
่
ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิทธิในการจัดการที่ดินและปาไม้อย่างแข็งขัน
ั
ตลอดจนจัดทําข้อเสนอแนะการแก้ไขปญหาเชิงนโยบายและกฎหมาย ระเบียบตลอดจนแนวปฏิบัติ
ั
ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งทําการศึกษาวิจัยสาเหตุของปญหาการละเมิดสิทธิ ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดความรู้
่
ความเข้าใจและพัฒนากลไกการคุ้มครองสิทธิของประชาชนด้านสิทธิในการจัดการที่ดินและปาไม้มา
่
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 แล้ว เรื่องร้องเรียนการละเมิดสิทธิประชาชนเกี่ยวกับเรื่องที่ดินและปาก็ยังไม่มีทีท่าว่า
จะลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้นเป็นจํานวนมากกว่า 500 เรื่อง (นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 เป็นต้นมา) ทั้งจากหน่วยงาน
ของรัฐและจากเอกชน ซึ่งจากการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนดังกล่าวนี้ได้พบการละเมิดสิทธิในหลายรูปแบบ
หลายลักษณะ นอกเหนือจากการกระทําของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไม่เหมาะสม การทุจริต การเลือกปฏิบัติ
ั
จากข้อมูลหลักฐานเชิงประจักษ์พบว่าเหตุปจจัยรากเหง้าของข้อพิพาทส่วนใหญ่เกิดจาก
โครงสร้างนโยบายและกฎหมายในหลายแง่มุม อาทิ ระเบียบกฎหมายเก่าแก่ล้าสมัยไม่สอดคล้องกับ
บริบทของสังคม กฎหมายมีความซับซ้อน การเลือกใช้กฎหมาย ฯลฯ ส่งผลให้เกิดการใช้อํานาจรัฐและ
กระบวนการยุติธรรมอย่างไม่เหมาะสมเป็นเครื่องมือละเมิดสิทธิของประชาชนอย่างกว้างขวางและ
เป็นเหตุให้มีเรื่องร้องเรียนเข้ามายังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐ
เป็นจํานวนมากจนตรวจสอบไม่ทัน ยิ่งกว่านั้นในการเชิญเจ้าหน้าที่รัฐและบุคคลที่เกี่ยวข้องมาไต่สวน
ให้ข้อมูลและความเห็นเกี่ยวกับนโยบายและกฎหมายยังพบว่ามีประเด็นทางกฎหมายจํานวนมาก
ที่แม้แต่พนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐรวมทั้งนิติกรและนักวิชาการด้านกฎหมายเองก็สับสน ไม่สามารถ
้
ให้คําตอบได้เพราะไม่มีความรู้หรือความรู้เก่าไม่ทันสมัย แต่ใช้หลักฐานตามความเข้าใจของตนส่งฟองศาล
และศาลก็มิได้ออกไปไต่สวนหาข้อเท็จจริงจึงมักเชื่อหลักฐานของเจ้าหน้าที่รัฐมากกว่าหลักฐาน
ความเป็นจริงเชิงประจักษ์ในพื้นที่ ประชาชนจึงมักแพ้คดีอันเนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมจาก
กระบวนการยุติธรรมดังกล่าว จนต้องออกมาร้องเรียนและชุมนุมประท้วงกันตามที่ทราบกันดีแล้ว
่
ั
การแก้ปญหาการละเมิดสิทธิประชาชนด้านที่ดินและปาจึงไม่เพียงแค่การตรวจสอบการ
ั
ละเมิดสิทธิอันเป็นการแก้ปญหาที่ปลายเหตุที่นับวันจะมีจํานวนเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น แต่จะต้องแก้ไข
ั
ปญหาเชิงโครงสร้างที่นโยบายและกฎหมายอันเป็นเหตุให้เกิดการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมและละเมิด
ั
สิทธิประชาชนด้วย แต่งานศึกษาวิจัยในปจจุบันซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานวิจัยของสํานักงานกองทุนสนับสนุน
การวิจัย (ส.ก.ว.) สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนา สถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย และองค์กรพัฒนาเอกชน
ั
ด้านทรัพยากร พบว่ามีจํากัดไม่มากนักและไม่ครอบคลุมปญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนซึ่งเกิดจาก
การกระทําของหน่วยงานรัฐต่าง ๆ งานวิจัยส่วนใหญ่จึงเป็นการวิเคราะห์นโยบายและกฎหมายที่
2‐1