Page 72 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยเรื่องการเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผู้ติดเชื้อเอชไอวี
P. 72
50
ที่สอง เปนผูติดเชื้อที่นายจางใหออกจากงานเมื่อรูวาเคยติดเชื้อเอชไอวีในธุรกิจรานอาหาร แตละกรณีมี
รายละเอียดดังนี้
114
กรณีศึกษาที่ 1 ถูกบังคับตรวจเลือด เปดเผยผลเลือดและไมรับเขาทํางานเพราะมีเชื้อเอชไอวี
แมน (นามสมมติ) เปนผูติดเชื้อเอชไอวีที่ไปสมัครงานในตําแหนงผูชวยผูจัดการรานคาซุปเปอรมารเก็ต
ของบริษัทขนาดใหญแหงหนึ่ง กวาจะไดเขาทํางาน แมนตองผานทั้งการสอบขอเขียน และการสัมภาษณถึง 2
ครั้ง โดยสอบขอเขียนและสอบสัมภาษณที่สํานักงานใหญ และยังตองสอบสัมภาษณที่บริษัทในเครืออีกครั้ง
เมื่อแมนสอบผานทุกขั้นตอน บริษัทแมไดสงตัวแมนไปตรวจรางกายเพื่อหาไวรัสเอดส Anti-HIV ที่โรงพยาบาล
ในเครือเดียวกับบริษัท และเมื่อผลเลือดออกมาวา แมนมีเชื้อเอชไอวี บริษัทแหงนั้น จึงไมรับแมนเขาทํางาน
แมนไดโทรศัพทไปปรึกษามูลนิธิศูนยคุมครองสิทธิดานเอดส และไปรองเรียนที่ศูนยรับเรื่องรองเรียน
สํานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ ตั้งแตป 2552 เพื่อตองการใหมีการสรางทัศนคติที่ดีตอผูติด
เชื้อ รวมถึงเปนการสรางโอกาสใหผูติดเชื้อทั้งที่รูตัวและไมรูตัวไดมีงานทํา จนปจจุบัน เรื่องดังกลาวก็เงียบ
หายไป
ปจจุบันแมนไดเขาทํางานในบริษัทลูกอีกแหง ที่อยูในเครือของบริษัทแมเหมือนเดิม ในกิจการที่ไมได
เกี่ยวของกับอาหาร แมนยอมรับวา ในกิจการของเอกชน เปนเรื่องยากที่จะมีการบังคับในกฎหมาย เขามองวา
การที่เขาไดทํางานในบริษัทแมแหงเดิม ก็แสดงใหเห็นแนวโนมวา ผูบริหารระดับสูงก็มีการปรับตัวยอมรับ
ผูติดเชื้อในระดับหนึ่ง
สําหรับในเรื่องการรองเรียน เขายอมรับวา เมื่อไปรองเรียนแลวไมไดผล เขาก็ยอมรับไดวา “ไมก็คือ
ไม” แตถาสามารถมีมาตรการใดๆ ที่ชวยใหผูติดเชื้อรุนหลังๆ มีโอกาสในการทํางาน ก็จะเปนเรื่องดี
114 ผูติดเชื้อเอชไอวี,สัมภาษณ 7 พฤศจิกายน 2556