Page 65 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยเรื่องการเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผู้ติดเชื้อเอชไอวี
P. 65
43
ผูติดเชื้ออีกจํานวนมากเลือกที่จะไมรองเรียน โดยมีเหตุผลสําคัญวาเปนเพราะไมมีความเชื่อมั่น หรือเชื่อมั่น
นอยวากระบวนการรองเรียนจะทําใหเกิดการแกไขปญหา และอีกสวนหนึ่งมองวา กระบวนการรองเรียนมี
ขั้นตอนยุงยากและเชื่องชามากเกินไป
ในดานหนึ่ง งานวิจัยฉบับนี้อาจจะแสดงใหเห็นแนวโนมที่ดีขึ้นของสภาวะการเลือกปฏิบัติในการ
ประกอบอาชีพของผูติดเชื้อเอชไอวี แตในอีกดานหนึ่ง ขอมูลดังกลาวก็ยังยืนยันวาสถานการณการเลือกปฏิบัติ
ในการประกอบอาชีพของผูติดเชื้อเอชไอวียังดํารงอยูในสังคมไทย
3.1.2 สภาพปญหาการเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผูติดเชื้อเอชไอวีรายกรณี
สําหรับการเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผูติดเชื้อเอชไอวี ขอมูลไดมาจากการทบทวนเอกสาร
ชั้นตน รวมทั้งหนังสือรองเรียน หนังสือชี้แจงจากหนวยราชการและรายงานผลการดําเนินงานของ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ โดยมีกรณีที่สําคัญ 3 กรณีดังนี้
(1) การเลือกปฏิบัติในฝายขาราชการตุลาการ ปรากฏในระเบียบคณะกรรมการตุลาการศาล
ยุติธรรม วาดวย โรคอันมีลักษณะตองหามที่จะเปนขาราชการตุลาการ พ.ศ. 2545 เปนระเบียบที่ออกตาม
ระเบียบคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม วาดวยหลักเกณฑและวิธีการตรวจสอบคุณสมบัติของผูสมัครสอบ
คัดเลือก ผูสมัครทดสอบความรู หรือผูสมัครเขารับการคัดเลือกพิเศษ เพื่อบรรจุเปนขาราชการตุลาการใน
ตําแหนงผูชวยผูพิพากษา พ.ศ. 2545 ระเบียบทั้งสองฉบับ ประกาศใช ณ วันที่ 10 มกราคม 2545 กําหนด
เงื่อนไขเรื่องโรคอันมีลักษณะตองหามที่จะเปนขาราชการตุลาการ แมมิไดกําหนดเรื่องโรคเอดสไวโดยแจงชัด
แตตามระเบียบขอ 3(6) ไดกําหนดเรื่องโรคติดตอที่เปนเหตุใหไมเหมาะสมที่จะเปนขาราชการตุลาการซึ่งอาจมี
การใชดุลพินิจหรือการปฏิบัติอันเปนการรังเกียจหรือเลือกปฏิบัติเนื่องจากเอดสได
ในกรณีนี้ ศูนยคุมครองสิทธิดานเอดส เคยทําหนังสือถึงประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ เพื่อ
ขอใหตรวจสอบและดําเนินการยกเลิกระเบียบปฏิบัติดังกลาว โดยอางถึงการรองทุกขเกี่ยวกับหนวยงานของรัฐ
ที่มีระเบียบปฏิบัติที่มีลักษณะเลือกปฏิบัติ และละเมิดสิทธิมนุษยชนของผูติดเชื้อเอชไอวี/เอดส โดยมีการบังคับ
ตรวจเอดสผูสมัครเขารับราชการในตําแหนงอัยการผูชวยและผูชวยผูพิพากษา หากพบวา ผูสมัครสอบรายใด
90
ติดเชื้อเอชไอวีจะไมไดรับสิทธิใหเขาสอบเพื่อดํารงตําแหนงดังกลาว ซึ่งนาสนใจวา ในกรณีของอัยการผูชวย
สํานักงานอัยการสูงสุดไดทําหนังสือถึงประธานคณะกรรมการมูลนิธิศูนยคุมครองสิทธิดานเอดสวา ตาม
กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2504) ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการฝายอัยการ พ.ศ.
2503 วาดวยโรคและประกาศคณะกรรมการอัยการเรื่อง กําหนดโรคอันมีลักษณะตองหามที่จะเปนขาราชการ
อัยการ พ.ศ.2555 แมจะมีขอกําหนดถึง “โรคติดตอที่เปนเหตุใหไมเหมาะสมที่จะเปนขาราชการอัยการ” แตก็
มิไดมีขอกําหนดใหผูที่มีเชื้อเอชไอวี เปนหรือถือวาเปนโรคอันมีลักษณะตองหามที่จะเปนขาราชการอัยการ
91
สํานักงานอัยการสูงสุดจึงไมเคยมีนโยบายตรวจหาเชื้อเอชไอวีในผูสมัครสอบอัยการผูชวย ในขณะที่กรณี
ผูชวยผูพิพากษายังไมมีความคืบหนาอยางชัดเจน อยางไรก็ดี ในกรณีของผูชวยผูพิพากษานี้ อาจพิจารณา
เทียบเคียงจากบรรทัดฐานของกรณีตัวอยางที่มีลักษณะใกลเคียงกันได กลาวคือ เปนกรณีที่สํานักงาน
ผูตรวจการแผนดินเคยเสนอใหศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 245 (1) วา
พระราชบัญญัติระเบียบขาราชการฝายตุลาการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง (10) มีปญหา
เกี่ยวกับความชอบดวยรัฐธรรมนูญมาตรา 30 ในเรื่องการเลือกปฏิบัติตอคนพิการ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
90 หนังสือ ศคส. 047/2550 วันที่ 23 กรกฏาคม 2550
91 หนังสือ อส 0003 (คก2)/3287 วันที่ 12 ตุลาคม 2555