Page 18 - รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อกรณีข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก
P. 18

รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
           (16) ต่อกรณีข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก




                         ดังนั้น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จึงพิจารณากรณีร้องเรียน รวมทั้งศึกษา

                  วิเคราะห์และจัดทำา “รายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
                  ต่อกรณีข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก”  เพื่อนำาเสนอต่อรัฐบาลตามอำานาจ

                  หน้าที่ที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ มาตรา ๒๕๗  วรรคหนึ่ง (๕) และ
                  พระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๕ (๓)  บัญญัติไว้

                         ตามข้อร้องเรียนของเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกสะท้อนปัญหาผลกระทบจากการ

                  พัฒนาอุตสาหกรรมต่อสิทธิของชุมชนและบุคคลในด้านต่างๆ ซึ่งมีการรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญ
                  แห่งราชอาณาจักรไทย  พุทธศักราช ๒๕๕๐  ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน สนธิสัญญา และ
                  ตราสารระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน  ตลอดจนหลักการและมาตรฐานสากลที่เกี่ยวข้อง

                  ทั้งในรูปของสิทธิเชิงกระบวนการ (Procedural Rights) อันได้แก่ สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร

                  สิทธิในการมีส่วนร่วมของประชาชน  สิทธิในการเข้าถึงความยุติธรรมทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีบทบาท
                  เชื่อมโยงสนับสนุนให้สิทธิในเชิงเนื้อหา (Substantive Rights) เกิดขึ้นได้จริงในทางปฏิบัติ  ได้แก่
                  สิทธิในสุขภาพที่ดี  สิทธิในการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณภาพ  สิทธิในสิ่งแวดล้อมที่ดี  สิทธิ

                  ในการพัฒนา ซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีบทบาทในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิต่างๆ

                  ดังกล่าว ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และหลักสิทธิมนุษยชน  ในขณะที่องค์กรของรัฐ
                  ที่เกี่ยวข้องมีความผูกพันที่จะต้องเคารพ (Respect) ปกป้อง (Protect) และดำาเนินมาตรการที่จำาเป็น
                  และเพียงพอที่จะทำาให้สิทธิเหล่านี้เกิดผลที่เป็นจริง (Fulfill)

                         เมื่อพิจารณาการดำาเนินการของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการคุ้มครองสิทธิของ

                  ชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาอุตสาหกรรม  โดยเฉพาะกรณีการออกประกาศกระทรวง
                  ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำาหนดประเภท ขนาด และวิธีปฏิบัติ  สำาหรับโครงการ

                  หรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม
                  ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ ที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือเอกชนจะต้องจัดทำารายงานการ

                  วิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๓  ทำาให้เห็นว่า รัฐบาลได้เร่งดำาเนินการออกประกาศ
                  ตามแบบพิธี มิได้มุ่งให้มีเนื้อหาที่จะคุ้มครองสิทธิของชุมชนให้เกิดผลที่เป็นจริง  ทั้งที่รัฐบาลได้มี

                  ความพยายามในการจัดตั้งกลไกเพื่อทำาหน้าที่แก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่มาบตาพุด คือ คณะกรรมการ
                  แก้ไขปัญหาการปฏิบัติ ตามมาตรา ๖๗ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือ

                  ที่เรียกว่า “คณะกรรมการสี่ฝ่าย”  ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ได้มีการศึกษาข้อมูลทางวิชาการ และ
                  รับฟังความเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสียอย่างกว้างขวาง จนได้ข้อเสนอในการกำาหนดประเภท

                  โครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม
                  ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ จำานวน ๑๘ รายการ นำาเสนอต่อรัฐบาลแล้ว แต่รัฐบาลกลับเปลี่ยน

                  ไปใช้กลไกคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ  ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
                  แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕  และเร่งรีบออกประกาศกระทรวงฉบับดังกล่าว  กำาหนดประเภทโครงการหรือ
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23