Page 55 - แด่ศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน : วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา
P. 55

54       แดศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน



                ความคิดนี้เปรมได้เสนอสังเขปทฤษฎีอัญเพศ แต่เขาไม่ได้ชี้ให้เห็นว่าการได้มาซึ่งอัตลักษณ์และภาวะกระทํา
                การ (agency)  ของเกย์นี้มีกระบวนการอย่างไร และท่าทีของเปรมยังแสดงลักษณะของความเห็นอกเห็นใจ

                เกย์จากสายตาของคนนอก ดังที่เขาได้สรุปว่า “ถ้าเกย์ไม่อยู่กับเกย์แล้วเกย์จะอยู่กับใคร (ก็อยู่กับพวกเรานี่
                ไง)” (เปรม สวนสมุทร, 2548: 17) บทสรุปดังกล่าวยังคงผลักเกย์ให้กลายเป็นอื่น ทําให้ภาวะกระทําการและ
                “สปิริต” แบบอัญเพศในนวนิยายของวีรวัฒน์ถูก “เกลี่ย” จนหมดความสําคัญไป


                       ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เสนอบทความไม่เห็นด้วยกับพิเชฐที่กล่าวไว้ในบทความตอนหนึ่งว่า “การที่นักเขียน
                สร้างแบบของร่างกายเกย์ให้เป็นเพียงร่างกายที่ตอบสนองความรักและกามารมณ์เท่านั้นก็ทําให้โลกของเกย์

                เป็นโลกที่ยังน่ารังเกียจอยู่ต่อไป ‘ตัวตน’ เกย์ซึ่งเปิดเผย/แสดงออกผ่าน ‘ร่างกาย’ จึงเป็นตัวตนที่ไม่มีวันสร้าง
                ‘มูลค่า’ หรือ ‘ความพึงพอใจ’ ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคมได้” (พิเชฐ แสงทอง, 2546: 71) การที่พิเชฐเห็นว่า

                กามารมณ์ที่ถูกนําเสนอในนวนิยายเกย์เป็นสิ่งที่ทําให้สังคมยังคงรู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์เกย์แสดงให้เห็นว่าเขา
                ไม่เข้าใจการต่อสู้ทางการเมืองของกลุ่มอัญเพศ ที่เพศวิถีสัมพันธ์กับการเมืองเรื่องอัตลักษณ์ (identity
                       5
                politics)   ที่สําคัญพิเชฐไม่ได้พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างตําแหน่งอัตบุคคลของเกย์ในนวนิยายกลุ่มนี้ที่
                หลอมสร้างขึ้นมาจากเพศวิถี ชนชั้น การบริโภค วิถีเมือง และวาทกรรมพุทธศาสนา ซึ่งโยงใยกันอย่างซับซ้อน

                ทําให้เขาเลือกที่ไปสู่ข้อสรุปที่กล่าวถึงข้างต้น

                       ในบทความนี้ผู้เขียนบทความจึงขอเสนอแนวการศึกษานวนิยายไตรภาคของวีรวัฒน์ กนกนุเคราะห์
                ใหม่ โดยผนวกเอานวนิยายเรื่อง ห่วงจําแลง ที่ยังสํารวจไม่พบว่ามีผู้ใดศึกษาเข้าไว้ด้วย โดยใช้แนวการวิจารณ์

                ของอัญเพศที่มุ่งพิเคราะห์ลักษณะของ “ตัวบทแบบอัญเพศ” (queer text) ผ่านคุณสมบัติ 4 ประการดังนี้

                       (1) ตัวบทแบบอัญเพศกระทําและ/หรือเปิดโอกาสให้ผู้วิจารณ์ทําความสัมพันธ์สองทางระหว่างเพศ

                วิถีกับอัตลักษณ์ให้กลายเป็น “การเมือง” (to politicize)
                       (2)  ตัวบทแบบอัญเพศต่อต้านหรือปฏิเสธกลายแบ่งขั้วรักต่างเพศ-รักเพศเดียวกันให้กลายเป็นเรื่อง

                ธรรมดาธรรมชาติ (to be naturalized)
                       (3)  ตัวบทแบบอัญเพศมักจะแสดงให้เห็นการผูกอยู่กับบริบทเฉพาะ (ชนชั้น, ชาติพันธุ์, อัตลักษณ์

                ทางวัฒนธรรม) ที่ซับซ้อนของประเด็นเพศวิถีและอัตลักษณ์ทางเพศ
                       (4) งานวิจารณ์แบบอัญเพศ (queer critical text) ต่อต้านขัดขืนต่อการสรุปเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศ
                แบบเบ็ดเสร็จ และงานวิจารณ์นั้นยังเอื้อต่อการขับเคลื่อนทวิวัจน์ของอัญเพศ (queer  dialogue) ที่ว่าด้วย

                เรื่องเพศวิถีและอารมณ์ปรารถนา (Hall, 2003: 164-168)


                       5  การเมืองเรื่องอัตลักษณ์ (identity politics/politics of identity) ในที่นี้หมายถึงอุดมการณ์ของความแตกต่างที่
                ก่อรูปความเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นการต่อสู้ดิ้นรนทางการเมืองเพื่อประกอบสร้าง ยืนยัน หรือปฏิเสธอัตลักษณ์ทั้งใน

                ระดับกลุ่มและระดับปัจเจกบุคคล.
   50   51   52   53   54   55   56   57   58   59   60