Page 26 - วารสารกฎหมายสิทธิมนุษยชน. ปีที่ 1 ฉบับที่ 3 (กันยายน - ธันวาคม 2563)
P. 26
ปีที่ 1 ฉบับที่ 3 (กันยายน - ธันวาคม 2563) 25
3.
ย่อมเท่�กับว่�ระบบกฎหม�ยฝรั่งเศสอ�จยอมรับง�นบ�งประเภทที่ระบบกฎหม�ยไทยถือว่�เป็นเรื่อง
ห้�มด้วยขัดต่อคว�มสงบเรียบร้อยของส�ธ�รณะ แต่ในมุมมองตรงข้�มระบบสังคมฝรั่งเศสอ�จมองว่�
ก�รยอมรับง�นต้องห้�มในมุมมองของสังคมไทยดังกล่�วนั้น เป็นง�นที่ทำ�ให้มนุษย์คนหนึ่งส�ม�รถได้รับ
ปัจจัยเพียงพอต่อก�รยังชีพอย่�งมีศักดิ์ศรีอันเป็นแก่นแห่งหลักก�รว่�ด้วยสิทธิมนุษยชน เพียงแต่ว่�
เป็นหน้�ที่ของรัฐที่ต้องกำ�หนดม�ตรก�รและกลไกที่เหม�ะสมในก�รจำ�กัดกรอบและเงื่อนไขเพื่อให้
ก�รทำ�ง�นเช่นว่�นั้นชอบธรรมและไม่ส่งผลกระทบต่อส�ธ�รณะจนกล�ยเป็นเรื่องเสียห�ย ดังเช่น
แรงง�นโสเภณีดังจะกล่�วในหัวข้อต่อไป
3. บทเรียนและข้อท้าทายเกี่ยวกับเสรีภาพในการประกอบอาชีพ
นอกจ�กตัวอย่�งเกี่ยวกับปัญห�ก�รจ้�งแรงง�นบ�งประก�ร เช่น ก�รจ้�งเหม�ค่�แรง
ก�รใช้แรงง�นสตรีและแรงง�นเด็กว่�ส�ม�รถกระทำ�ได้หรือไม่ ม�กน้อยเพียงใด ภ�ยใต้กรอบแนวคิด
เรื่องเสรีภ�พในก�รประกอบอ�ชีพและก�รไม่ละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนแล้วข้อท้�ท�ยท�งด้�นแรงง�น
อีก 3 เรื่องที่จะยกเป็นอุท�หรณ์ต่อไปนี้ก็ถือได้ว่�เป็นกระทู้ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในสังคมไทยเกี่ยวกับปัญห�
ด้�นสิทธิแรงง�น อันได้แก่ ปัญห�ก�รทำ�ง�นของคนต่�งด้�ว ปัญห�เกี่ยวกับก�รให้คว�มยินยอมของ
คู่สัญญ�ในก�รจำ�กัดเสรีภ�พในก�รประกอบอ�ชีพของตน และปัญห�คว�มชอบด้วยหลักกฎหม�ย
ของก�รทำ�ง�นบ�งประเภทที่ห�กพิจ�รณ�ในเชิงศีลธรรมแล้วก็จะเป็นก�รย�กที่จะยอมรับได้ เช่น
ก�รค้�ประเวณี
3.1 การจำากัดสิทธิการทำางานของคนต่างด้าว น�น�ประเทศต่�งยอมรับว่�หลักก�รได้รับอนุญ�ต
ให้เข้�เมืองของคนต่�งด้�วในเขตแดนของรัฐผู้รับเพื่อก�รทำ�ง�น เป็นส�รัตถะสำ�คัญของก�รทำ�ง�นของคน
ต่�งด้�ว ดังนี้ คนต่�งด้�วที่เข้�เมืองผิดกฎหม�ยด้วยประก�รต่�ง ๆ หรือเข้�เมืองม�โดยวัตถุประสงค์อื่น
นอกเหนือจ�กก�รทำ�ง�นแต่กลับได้ทำ�ง�นในรัฐผู้รับ ย่อมถือว่�เป็นพฤติก�รณ์ที่กระทบต่อคว�มสงบเรียบร้อย
ของรัฐผู้รับตลอดจนคว�มมั่นคงในทรัพย์สินและคว�มปลอดภัยของประช�กรในรัฐนั้นได้ อันย�กที่รัฐผู้รับ
จำ�เป็นต้องยอมรับในพฤติก�รณ์ที่ไม่ชอบดังกล่�ว นอกจ�กนี้ ก�รทำ�ง�นของคนต่�งด้�วอ�จถูกจำ�กัด
ด้วยกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่รัฐผู้รับกำ�หนดไว้อย่�งชัดเจนโดยหลักแห่งคว�มชอบธรรมของกระบวนก�ร
ท�งนิติบัญญัติเพื่อสงวนรักษ�ไว้ซึ่งคว�มมั่นคงในอธิปไตยของรัฐ ตลอดจนเอกลักษณ์เฉพ�ะท�งศิลปวัฒนธรรม
และสังคมของรัฐด้วยประกอบกัน อย่�งไรก็ต�ม คำ�ถ�มที่มักต�มม�ก็คือกรณีที่คนต่�งด้�วซึ่งเข้�เมืองม�
ผิดกฎหม�ยหรือผิดวัตถุประสงค์นอกเหนือจ�กก�รได้รับอนุญ�ตให้ทำ�ง�น ต่อม�บุคคลเหล่�นี้ได้เข้�ทำ�ง�น
ในรัฐผู้รับด้วยประก�รใด ๆ ก�รคุ้มครองสิทธิต่�ง ๆ อันเนื่องจ�กก�รทำ�ง�นนั้นควรมีม�กน้อยประก�รใด
ก�รตอบกระทู้ข้อนี้จำ�ต้องแยกเสรีภ�พในก�รประกอบอ�ชีพของคนต่�งด้�วที่เข้�เมืองผิดกฎหม�ยออกจ�ก
สิทธิที่คนต่�งด้�วซึ่งเข้�เมืองผิดกฎหม�ยได้รับด้วยเหตุเนื่องจ�กก�รทำ�ง�นอันเป็นสิทธิที่สืบจ�กก�ร
ใช้แรงง�นซึ่งได้เกิดขึ้นและยุติลงด้วย ดังนี้แล้ว ก�รพิจ�รณ�สิทธิของคนต่�งด้�วที่เข้�เมืองม�โดยชอบด้วย
กฎหม�ยย่อมอ�จเกี่ยวเนื่องกับก�รคุ้มครองเสรีภ�พในก�รประกอบอ�ชีพของคนต่�งด้�วผู้นั้นได้อย่�งไม่มี
ข้อรังเกียจ ในท�งตรงกันข้�มกรณีที่คนต่�งด้�วเข้�ม�เมืองม�โดยไม่ชอบด้วยกฎหม�ยแต่ได้ปฏิบัติหน้�ที่ก�รง�น
ในดินแดนของรัฐผู้รับไปแล้ว ก�รพิจ�รณ�ในส�รัตถะของเสรีภ�พในก�รประกอบอ�ชีพของคนต่�งด้�ว
ผู้นั้นอ�จไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนักแต่ก�รพิจ�รณ�ในสิทธิอันเกี่ยวด้วยหรือสืบเนื่องจ�กก�รใช้แรงง�น เช่น
ก�รได้รับค่�จ้�ง สวัสดิก�ร คว�มปลอดภัย อ�ชีวะอน�มัยและสภ�พแวดล้อมในก�รทำ�ง�นที่ดีอย่�งเต็มภูมิ
เฉกเช่น ผู้ใช้แรงง�นร�ยอื่น ก็อ�จเป็นเรื่องที่ต้องให้ก�รรับรองและคุ้มครองสิทธิส่วนนี้ แต่รัฐผู้รับก็ย่อมที่จะ
สงวนไว้ซึ่งคว�มชอบธรรมในก�รพิจ�รณ�คว�มผิดของคนต่�งด้�วคนนั้นในประเด็นเรื่องก�รหลบหนีเข้�เมือง
ได้อยู่นั่นเอง ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน

