Page 65 - รายงานฉบับสมบูรณ์ เหลียวหลังแลหน้า 2 ทศวรรษ สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย
P. 65

อดีตสมาชิกวุฒิสภา และอดีตอธิบดีกรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นสตรีคน
                              แรกของไทยที่ได้รับแต่งตั้งเป็นอธิบดี และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสภาสังคมสงเคราะห์แห่ง
                              ประเทศไทย และเป็นประธานสภาในปี 2512 - 2514
                          11. นางสาวอาภร วงษ์สังข์
                              เป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน สำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษา


                         จุดเด่นของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนชุดที่ 1
                         จุดเด่นของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ 1 มีหลายประการ กล่าวคือ มีประธาน
                    คณะกรรมการสิทธิฯ ที่เป็นนักวิชาการที่มีทำงานอย่างจริงจังมาอย่างยาวนานและได้รับการยอมรับ
                    จากประชาชนและจากสังคม ทำงานใกล้ชิดชุมชน โดยเฉพาะในประเด็นที่เป็นปัญหาเรื้อรังของ
                    สังคมไทยมาอย่างยาวนาน เห็นได้จากเสียงสะท้อนของคนที่เคยร่วมงานกับประธาน กสม.ชุดที่ 1 ว่า

                                      อาจารย์เสน่ห์ จามริก คืออาจารย์ไปอยู่ไปกินกับชาวบ้านเลย ชาวบ้าน

                                 อำเภอปะคำ เพื่อที่จะทำข้อสรุปกับทางรัฐบาลว่า สิทธิพื้นฐานในการอยู่ใน
                                 ที่ดิน ในการพัฒนาที่ดิน ตามข้อตกลงที่รัฐบาลใช้นโยบาย 66/23 บอกว่าจะ
                                 จัดพื้นที่ให้กับผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยมาอยู่ ให้เข้าไปอยู่จัดสรรพื้นที่ป่าปะคำ
                                 อะไรทำนองนี้ครับ พอเข้าไปอยู่แล้วก็มาไล่เขา บอกว่าไปอยู่ในพื้นที่เขตป่า
                                 สงวน ใครจะไปยอม...
                                      กสม. ยุคแรกๆ นี่ก็ที่เรื่องนโยบายเกี่ยวกับเรื่องที่ดินซึ่งยังไม่ชัดเจน
                                 มากนัก...
                                 เรื่องที่ดินยังเป็นปัญหาคาราคาซังอยู่ (KI024, 7 ก.พ. 2565)

                          เป็นผู้ที่สังคมให้การยอมรับ
                          คณะกรรมการสิทธิฯ ในชุดที่ 1 ซึ่งมีจำนวน 11 คนนั้น ต่างก็เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับใน
                    ผลงาน และมีความกล้าหาญ มีประสบการณ์ทำงานอย่างใกล้ชิดกับชุมชนมานาน เข้าถึงประชาชน
                    และขณะเดียวกัน เมื่อประชาชนเดือดร้อนก็สามารถเข้าถึงคณะกรรมการฯ ได้

                          วัฒนธรรมการทำงานแบบเชื่อมประสาน
                          นอกจากนี้ จุดเด่นเรื่องการมีวัฒนธรรมการทำงานในแนวระนาบร่วมมือกันอย่างเป็นปึกแผ่น
                    และมีตัวแทนมาจากหลากหลายภาคส่วนที่ล้วนมีความเชี่ยวชาญ และยังมีเครือข่ายคนทำงานภาค
                    ประชาสังคมจำนวนมากที่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนงานในฐานะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านต่าง ๆ อีก
                    ด้วย ที่รู้จักกันในนาม “สามประสาน” กล่าวคือ คณะกรรมการฯ ประสานไปยังเครือข่ายทั้งภาครัฐ
                    และเอกชนและจัดตั้งเป็นคณะอนุกรรมการเพื่อทำงานตรวจสอบการละเมิดเชิงประเด็น โดยใช้ข้อ

                    กฎหมายที่ให้อำนาจไว้ และเป็นการตอบโจทย์มาตรฐานการดำเนินงานของหลักการปารีสไปในตัว
                    ด้วย

                          การผลักดันทางกฎหมาย
                          กล่าวได้ว่า คณะกรรมการฯ ชุดที่ 1 นั้นสามารถผลักดันแนวทางแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิ
                    มนุษยชนในเชิงโครงสร้างด้วยการออกกฎหมาย และนโยบายสำคัญ ๆ ที่ช่วยลดการละเมิดสิทธิ
                    มนุษยชนลงไปได้หลายประการ โดยเฉพาะในขณะนั้น ปัญหาเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินทำกินของประชาชน
                    ที่ถูกละเมิดจากโครงการพัฒนาของรัฐมีมาก ที่โดดเด่นได้แก่ โครงการสร้างเขื่อนปากมูล การแก้ไข


                                                            -58-
   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69   70