Page 69 - รายงานฉบับสมบูรณ์ เหลียวหลังแลหน้า 2 ทศวรรษ สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย
P. 69

ต้องยอมรับว่ามีการปะทะกันรุนแรงอย่างการปลดเลขาธิการออก
                                 เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าไม่สนับสนุนการทำงานของ กสม.ทั้งในแง่กระบวนการ
                                 และงบประมาณซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่มากในฐานะเลขาฯ
                                      ก็มีการฟ้องร้องคดีต่อศาลปกครองกันมากมาย
                                      แต่ก็ชื่นชมความกล้าหาญของ อ.เสน่ห์ อีกครั้ง หนึ่งที่ลงนาม
                                 ตัดสินใจและยินดีที่จะเผชิญกับศาล แต่ก็มีเสียงวิจารณ์มากมายเช่นกัน แต่
                                 โดยส่วนตัวพี่คิดว่าอาจารย์ทำถูกแล้ว ไม่เช่นนั้นแล้วการทำงานของ กสม.
                                 จะหยุดชะงักลงไป ทั้งนี้ทั้งนั้นเลขาธิการคนนั้นมีความเข้าใจผิดในโครงสร้าง
                                 และบทบาทที่มองว่าเลขาธิการมีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติการที่ใหญ่กว่ากสม.
                                 แต่ในความเป็นจริงคือกสม. เป็นเสมือนบอร์ดปฏิบัติการที่มีมติแล้วเลขา

                                 ต้องสนับสนุน นี่ก็เป็นกรณีที่เราไม่อาจจะประนีประนอมได้ ไม่เช่นนั้นอาจ
                                 เกิดความเสียหายต่องานได้ (KPI004, 14 พ.ย. 2564)

                          การทำหน้าที่ท่ามกลางความขัดแย้ง
                          ตามหลักการปารีส มีการระบุแนวทางการทำงานของคณะกรรมการฯ ในยามที่สถานการณ์
                    ขัดแย้ง ไม่ปกติไว้ก็จริงในเรื่องการระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความขัดแย้งที่รุนแรงถึงขั้นมี
                    การเสียชีวิตในช่วงปี 2553 ฝ่ายที่สูญเสียต่างโกรธเกรี้ยว ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลที่กำลังทำหน้าที่อยู่ก็
                    ไม่ได้ปฏิบัติต่อประชาชนที่โกรธเกรี้ยวอย่างเห็นอกเห็นใจ เพราะความขัดแย้งนั้นเป็นความขัดแย้ง
                    ระหว่างรัฐบาลกับประชาชนฝ่ายเสื้อแดง การตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการฯ ต่อการละเมิด

                    ดังกล่าวจึงยิ่งเพิ่มความยากลำบากมากขึ้นไปอีก ส่งผลต่อการรายงานข้อเท็จจริง และการรายงาน
                    การประเมินสถานการณ์ที่ควรต้องทำภายในเวลาที่กำหนด ยิ่งกว่านั้น ยังมีข้อขัดแย้งเรื่องการลงนาม
                    ในเอกสารรายงานการประเมินระหว่างคณะกรรมการด้วยกัน ทำให้ความเชื่อมั่นต่อสถาบันฯ ในสายตา
                    นานาชาติยิ่งเป็นที่กังขามากขึ้น  และแน่นอนว่าผลพวงจากชุดที่ 2 ดังกล่าวก็ส่งผลมาถึงชุดที่ 3 ด้วย
                    ยิ่งกระบวนการสรรหาคณะกรรมการฯ ในชุดที่ 3 มีที่มาที่ไม่แสดงให้เห็นความหลากหลายของ
                    กระบวนการตัดสินใจของคณะกรรมการสรรหา จึงทำให้ต่อมาเมื่อมีการประเมินสถานะของสถาบัน
                    สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ไทยจึงได้รับการประเมินสถานะขององค์กรสิทธิมนุษยชนไทยถูกปรับให้ตกมา
                    อยู่ที่เกรด B ในเวลาต่อมา

                          ผลงานที่โดดเด่น

                          แม้ว่าจะมีความท้าทายในการทำหน้าที อย่างไรก็ดี กสม. ชุดที่ 2 ก็ประสบความสำเร็จในการ
                    พัฒนาตัวชี้วัดสิทธิมนุษยชน ในปี 2556 (วิชัย ศรีรัตน์, 2556) แม้ว่าจะยังไม่ได้นำมาปฏิบัติในการชี้
                    วัดอย่างเป็นรูปธรรมภายในระยะเวลาที่ กสม.ชุด 2 อยู่ในตำแหน่งก็ตาม

















                                                            -62-
   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74