Page 70 - รายงานฉบับสมบูรณ์ เหลียวหลังแลหน้า 2 ทศวรรษ สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย
P. 70
กสม. 3 ติดหล่มรัฐประหารและวัฒนธรรมระบบราชการ
ปี 2557 ประเทศไทยติดหล่มรัฐประหารอีกครั้ง และเป็นครั้งที่ส่งผลกระทบต่อสังคมไทย
อย่างหนัก ภายใต้บริบททางการเมืองโลกที่ประชาธิปไตยแบบเสรีนิยมเองก็ถดถอย ขณะที่การ
แบ่งแยกทางการเมืองในสังคมไทยนั้นร้าวลึกและแผ่ตลอดตั้งแต่เหนือจรดใต้ ทั้งยังมีการแย่งชิง
อำนาจระหว่างขั้วการเมืองใหญ่ที่ส่งให้การต่อสู้ภายในตั้งแต่กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญ การ
ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนเกิดขึ้นกว้างขวาง
เป็นที่เข้าใจได้ว่าเงื่อนไขการเมืองการปกครองส่งผลต่อการเติบโตและการทำงานของ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) อย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ กล่าวให้ถึงที่สุด เงื่อนไข
ทางสังคมการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเป็นเงื่อนไขที่เอื้อให้สิทธิมนุษยชนเติบโตได้
มากกว่าเงื่อนไขทางการเมืองการปกครองในรูปแบบที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และโดยเฉพาะการ
รัฐประหารที่เกิดขึ้นในประเทศไทยบ่อยครั้งถือเป็นเงื่อนไขที่ทำให้งานด้านสิทธิมนุษยชนชะงักงันและ
สถานการณ์การเคารพสิทธิมนุษยชนตกต่ำลง
กระบวนการสรรหาที่กลายเป็นต้นตอของปัญหาเรื่องการรักษามาตรฐาน
องค์ประกอบและที่มาเริ่มบิดเบี้ยวมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 50 ที่มี 7
อรหันต์ที่เป็นศาลไปซะ 5 คน และ สว.ก็มาจากการเลือกตั้งครึ่งหนึ่งและ
แต่งตั้งครึ่งหนึ่ง
เข้าใจกับคนที่โมโหองค์กรอิสระมากเลย เพราะองค์อิสระเติบโตขึ้นมา
1) จากความกล้าหาญถ่วงดุลในมิติต่างๆ 2) ที่มาและองค์ประกอบต้องเคย
เป็นนักต่อสู้เรื่องสิทธิเสรีภาพเป็นที่ประจักษ์ 3) ต้องมีกระบวนการคัดเลือก
ไม่ใช่คณะกรรมการสรรหาเลือกได้เลย รัฐธรรมนูญปี 40 จึงกำหนดให้ สว.
ที่มาจากการเลือกตั้งเป็นหน่วยคัดเลือกซึ่งจะยึดโยงกับประชาชน แต่พอ
มาถึงรัฐธรรมนูญ 50 สว.ก็มาจากการเลือกตั้งครึ่งหนึ่งและแต่งตั้งครึ่งหนึ่ง
พอมาถึงปี 60 ก็เลยเละ เพราะสว.มาจากการแต่งตั้งจาก คสช.ทั้งหมด ก็
เลยมีสภาพถอยหลังลงคลองไปเรื่อยๆ กลไกหลายอย่างออกแบบมาให้
เริ่มต้นยาก มีอคติเต็มเปี่ยมต่อกรรมการสิทธิ ออกแบบกฎหมาย ส่วน
ราชการ อำนาจหน้าที่ที่หมกเม็ดเต็มไปหมด (KI004, 14 พฤศจิกายน 64)
การประกาศเรื่อง คณะกรรมการสรรหากรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่กลายเป็นเงื่อนไข
ให้การได้มาซึ่งคณะกรรมการ และสืบเนื่องมาถึงการทำหน้าที่ตามมาตรฐานของสถาบันสิทธิ
มนุษยชนแห่งชาติตามมาตรฐานของหลักการปารีสถูกตั้งคำถามมากขึ้น ไม่เพียงแต่การตั้งคำถาม
เรื่องที่มาเท่านั้น หากยังมีคำถามเรื่องการเป็นที่แสวงประโยชน์ของข้าราชการเกษียณอายุที่ดังมาก
ขึ้น และคำถามเรื่องการมีอยู่ของ กสม. ว่ามีไว้เพื่ออะไรด้วย ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าระบบคิดของ
คณะกรรมการสรรหาที่มาจากภาคข้าราชการประจำและฝ่ายตุลาการมีภาพลักษณ์ของการยึดติด
กฎระเบียบและอนุรักษ์นิยมอย่างมาก
-63-