Page 142 - รายงานฉบับสมบูรณ์ เหลียวหลังแลหน้า 2 ทศวรรษ สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย
P. 142
กสม. ชุดที่ 4 มีความพยายามที่จะรื้อฟื้นพลังในการขับเคลื่อนสิทธิมนุษยชนใน
สังคมไทยด้วยการประสานความร่วมมือและขยายเครือข่ายคนทำงานเพิ่มขึ้นในรูป
ของการแต่งตั้งเป็นคณะที่ปรึกษา 6 ด้าน จำนวน 218 ตามประกาศลงวันที่ 6
กันยายน 2564 นอกจากนี้ยังมีการเปิดสำนักงาน กสม. สาขาในภูมิภาคเป็นแห่ง
แรกที่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 พร้อมทั้งได้ให้กรอบอัตรากำลัง
เบื้องต้น คือ เจ้าหน้าที่ 20 ราย แบ่งเป็น ข้าราชการ 17 ราย และพนักงานราชการ
3 ราย ปฏิบัติงานตามกลุ่มงานต่อไปนี้ (1) กลุ่มงานบริหาร (2) กลุ่มงานคุ้มครอง
สิทธิมนุษยชน และ (3) กลุ่มงานส่งเสริมและเฝ้าระวังสถานการณ์สิทธิมนุษยชน
และได้มีคำสั่งให้ข้าราชการและพนักงานราชการสังกัดสำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคใต้
ซึ่งปัจจุบันปฏิบัติหน้าที่ ณ สำนักงาน กสม. ส่วนกลางไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ ณ
สำนักงาน กสม. พื้นที่ภาคใต้ (ไทยโพสต์, 17 กุมภาพันธ์ 2565) นับเป็นความ
พยายามในการขยายช่องทางในการเข้าถึงประชาชนเพื่อให้สามารถรับเรื่อง
ร้องเรียนและทำงานร่วมกันกับภาคประชาชนได้สะดวกรวดเร็วขึ้น
4. ปัญหา อุปสรรค ข้อท้าทาย
4.1 ความท้าทายทางสังคมและการเมือง
4.1.1 การเมืองภายในไม่เป็นประชาธิปไตย
บริบททางการเมืองไทยที่เพิ่งปรับเปลี่ยนการปกครองจากระบอบ
สมบูรณาญาสิทธิราชย์ซึ่งเป็นระบบที่ไม่ได้ให้คุณค่ากับสิทธิ เสรีภาพ และ
ความเสมอภาคในความเป็นมนุษย์มาเป็นประชาธิปไตยในปี พ.ศ. 2475 ซึ่ง
เป็นระบอบที่ให้คุณค่ากับสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคในความเป็น
มนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีเสมอกัน หากแต่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านระบอบ แนวคิด
เรื่องสิทธิมนุษยชนและการมองเห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์ที่มีความเห็น
แตกต่างกันได้นั้นยังไม่ลงตัว สถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนจึงยัง
เป็นปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะมีเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่ท้าทายต่อสิทธิ
มนุษยชนในสังคมไทยอยู่มาก แม้ว่าไทยจะได้ร่วมประกาศรับรองสิทธิ
มนุษยชนสากลไปแล้วตั้งแต่ปี 2491 เช่น มีเหตุการณ์การบังคับสูญหาย
ของหะยี สุหลง ในภาคใต้ของไทย การลอบสังหารผู้แทนราษฎรในภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นต้น
4.1.2 การเมืองแบ่งขั้วค่ายในช่วงปี พ.ศ. 2548 – 2553 จากวิกฤตการเมืองเสื้อ
เหลือง-เสื้อแดง ซึ่งสัมพันธ์กับการทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ
ของประชาชนในทางการเมือง
4.1.3 ผลพวงจากรัฐประหาร 2 ครั้ง คือ รัฐประหาร 2549 และ รัฐประหาร 2560
ซึ่งรัฐประหารแต่ละครั้งส่งผลกระทบต่อการทำงานปกป้องสิทธิมนุษยชน
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติอย่างมีนัยยะสำคัญ พิจารณา
เฉพาะสถิติการละเมิดสิทธิมนุษยชนหลังการรัฐประหาร 2557 เฉพาะกรณี
นโยบายการทวงคืนผืนป่าอย่างเดียวพบว่ามีประชาชนถูกละเมิดสิทธิในการ
ทำมาหากินและอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่ามากกว่า 46,000 คดี (ILAW, 2562)
-137-