Page 143 - รายงานฉบับสมบูรณ์ เหลียวหลังแลหน้า 2 ทศวรรษ สิทธิมนุษยชนในสังคมไทย
P. 143
กรณีมาตรา 112 มีผู้ถูกกล่าวหาราว 176 คนใน 186 คดี (ศูนย์ทนายความ
เพื่อสิทธิมนุษยชน, กุมภาพันธ์ 2565) ทั้งนี้ เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 18
ปีรวมอยู่ในนั้นด้วยและเป็นประเด็นที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ถูกคาดหวังว่าควรจะมีบทบาทในการปกป้องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความ
คิดเห็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องดังกล่าวได้
4.2 ความท้าทายในการทำหน้าที่เป็นองค์กรหลักของประเทศด้านสิทธิมนุษยชน
4.2.1 บทบาทนำระดับประเทศในเชิงการกำหนดนโยบายสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
สืบเนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยกำหนดให้คณะกรรมการ
สิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นองค์กรอิสระ แต่กฎหมายไม่ได้กำหนดให้มี
บทบาทในการวางกรอบนโยบายในลักษณะการเป็นแผนแม่บทระดับชาติ
เรื่องสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งในยุคแรกของการก่อตั้งคณะกรรมการสิทธิ
มนุษยชน คณะรัฐมนตรีภายใต้รัฐบาลของนายอานันท์ ปันยารชุน
นายกรัฐมนตรีและประธานคณะทำงาน ได้รับรองนโยบายและแผนปฏิบัติ
การแม่ด้านสิทธิมนุษยชนไปแล้วเมื่อ 17 ตุลาคม 2543 (รายงานผลการ
ปฏิบัติงานประจำปี 2546, 85) ทำให้ในระยะเวลาต่อมาเมื่อต้องทำหน้าที่
ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงทาง
การเมือง โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ปี 2560 มาตรา 247 วรรค 3
ที่ว่า เสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิ
มนุษยชนต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมตลอดทั้ง
การแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้อง
กับหลักสิทธิมนุษยชน จึงขาดพลัง ขาดทิศทางและความชัดเจนในการถือ
ปฏิบัติร่วมกันทั้งประเทศ ในขณะที่ แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่จัดทำโดย
กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งหากพิจารณา
ตามลำดับกฎหมายอาจจะมีสถานะความน่าเชื่อถือในระดับชาติและระดับ
นานาชาติน้อยกว่าแผนแม่บทขององค์กรสิทธิมนุษยชนระดับชาติถ้าหากว่า
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติสามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้จริง
4.2.2 การรักษามาตรฐานตามหลักการปารีสภายใต้การเมืองการปกครองที่ไม่เป็น
ประชาธิปไตยมากนัก
สืบเนื่องจากไทยเข้าเป็นสมาชิกของเครือข่ายพันธมิตรระดับโลกว่าด้วย
สถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (GANHRI) ซึ่งเป็นองค์กรที่ช่วยเหลือ
สมาชิกให้สามารถปฏิบัติงานได้ตามมาตรฐานที่ควรจะเป็นในการปกป้อง
คุ้มครองและส่งเสริมการเคารพสิทธิมนุษยชน โดยเครือข่ายได้มีข้อกำหนด
ของหลักการปารีสเป็นแนวทางในการถือปฏิบัติร่วมกัน เพื่อเป็นหลักประกัน
ว่าสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติของรัฐต่าง ๆ จะมีความเป็นอิสระในการทำ
หน้าที่ เพื่อที่จะ 1) ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน 2) แนะนำรัฐบาลในเรื่องการ
ปกป้องสิทธิมนุษยชน 3) ทบทวนกฎหมายสิทธิมนุษยชน 4) เตรียม
รายงานสิทธิมนุษยชน 5) รับและสอบสวนเรื่องราวร้องทุกข์จาก
-138-