Page 68 - ประมวลข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครอง สิทธิมนุษยชน รวมทั้งการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้สอดคล้อง
P. 68

ประมวลข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
                                                      รวมทั้งการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน
                                            ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ระหว่าง ตุลาคม ๒๕๕๙ – ธันวาคม ๒๕๖๐

                                ๔.๑ ค าสั่งหัวหน้า คสช.ที่ ๓๑/๒๕๖๐ มีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชน
                  ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ และหลักสิทธิมนุษยชนตามพันธกรณี

                  ระหว่างประเทศ หรือไม่อย่างไร


                                 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พิจารณาแล้วเห็นว่า

                                ๔.๑.๑ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๓ วรรคสอง

                  ได้บัญญัติหลักการส าคัญในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนจากการใช้อ านาจโดยมิชอบของ
                  องค์กรของรัฐไว้ โดยบัญญัติให้การใช้อ านาจของรัฐทุกองค์กรต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรม และในการตรา

                  กฎหมายขององค์กรของรัฐ ยังต้องค านึงถึงมาตรา ๒๖ ซึ่งบัญญัติให้การใช้อ านาจในการตรากฎหมายเพื่อ
                  จ ากัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนนั้นแม้จะสามารถกระท าได้ แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญ

                  บัญญัติ อยู่ภายใต้หลักนิติธรรม และไม่เพิ่มภาระแก่ประชาชนเกินสมควรแก่เหตุ ซึ่งบทบัญญัติในมาตรา

                  ดังกล่าว เป็นหลักการส าคัญในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนจากการใช้อ านาจของรัฐ
                  โดยประกันว่าองค์กรของรัฐทุกองค์กรจะใช้อ านาจตามหลักนิติธรรมและตามครรลองของรัฐธรรมนูญซึ่งเป็น

                  กฎหมายที่มีฐานะสูงสุดของประเทศ โดยนัยนี้ การใช้อ านาจขององค์กรของรัฐจึงหมายรวมถึงการใช้อ านาจ

                  ของหัวหน้า คสช. ในการออกค าสั่งโดยอาศัยอ านาจตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
                  (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 กรณีจึงมีปัญหาที่ต้องพิจารณาว่า ค าสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๓๑/๒๕๖๐

                  ออกโดยด าเนินการภายใต้หลักการของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา
                  ๓ วรรคสอง และมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง หรือไม่ ในปัญหานี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเห็นว่า

                  มาตรา ๔๔ ดังกล่าว ได้รับรองอ านาจของหัวหน้า คสช. ในการออกค าสั่ง ใน ๓ กรณี คือ

                                ๑)  กรณีที่หัวหน้า คสช. เห็นเป็นการจ าเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ
                                ๒)  การส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ

                                ๓) เพื่อป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระท าอันเป็นการบ่อนท าลายความสงบ
                  เรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเกิดขึ้น

                  ภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร

                                การออกค าสั่งหัวหน้า คสช.ที่ ๓๑/๒๕๖๐ ระบุเหตุผลความจ าเป็นว่า “ปัจจุบันพลังงาน
                  เป็นปัญหาส าคัญอย่างหนึ่งของสถานการณ์โลก ซึ่งรัฐบาลเองก็ได้ก าหนดเป็นนโยบายเร่งด่วนให้มีการ

                  แสวงหาและพัฒนาแหล่งพลังงานอย่างยั่งยืน รวมทั้งการด าเนินการด้านพลังงานทดแทนและพลังงาน
                  ทางเลือก เพื่อป้องกันการขาดแคลนพลังงาน สร้างความมั่นคงด้านพลังงานและลดการพึ่งพาการน าเข้า

                  พลังงานจากต่างประเทศ ในขณะที่นโยบายในการบริหารจัดการแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อพัฒนา
                  ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และกระจายการพัฒนาไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เป็นนโยบายส าคัญ

                  ของรัฐบาลในการปฏิรูประบบเศรษฐกิจเช่นกัน แต่โดยที่ในการด าเนินการเพื่อให้นโยบายดังกล่าวสัมฤทธิ์ผล

                  มีความจ าเป็นต้องเข้าไปด าเนินการภายในที่ดินของรัฐบางประเภท โดยเฉพาะที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินที่มี




                                                            ๕๖
   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73