Page 71 - ประมวลข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครอง สิทธิมนุษยชน รวมทั้งการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้สอดคล้อง
P. 71

ประมวลข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
                                                      รวมทั้งการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน
                                            ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ระหว่าง ตุลาคม ๒๕๕๙ – ธันวาคม ๒๕๖๐

                  ให้เห็นได้ว่า มีความได้สัดส่วนระหว่างการคุ้มครองสิทธิเกษตรกรกับประโยชน์ส่วนรวมของรัฐในการอนุญาต
                  ให้เอกชนเข้าท ากิจการอื่น (มีประโยชน์คุ้มค่ากับการกระทบสิทธิของเกษตรกร)



                  ๕. ข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและข้อเสนอในการ
                  แก้ไขปรับปรุงกฎหมาย


                                คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเห็นควรมีข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทาง

                  ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมทั้งข้อเสนอในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือ
                  ค าสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนต่อคณะรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

                  พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๔๗ (๓) ดังนี้

                                ๕.๑  ข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน


                                      ๕.๑.๑  คณะรัฐมนตรีควรเสนอให้ คสช. พิจารณาทบทวนค าสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๓๑/๒๕๖๐
                  ให้สอดคล้องต่อหลักการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

                  พุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๓ วรรคสอง และมาตรา ๒๖ วรรคหนึ่ง และความมุ่งหมายของมาตรา ๔๔

                  ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗

                                      ๕.๑.๒ คณะรัฐมนตรีควรเสนอ คสช. ให้ทบทวนค าสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๓๑/๒๕๖๐

                  ข้อ ๘ เนื่องจากการแก้ไขหรือปรับปรุงกฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อรองรับการประกอบกิจการอื่นที่มิใช่
                  เกษตรกรรม จะท าให้เจตนารมณ์ของกฎหมายปฏิรูปที่ดินเปลี่ยนแปลงไป แต่หากรัฐต้องการใช้พื้นที่ในเขต

                  ปฏิรูปที่ดินเพื่อจัดท ากิจการอื่นอันเป็นประโยชน์ส าคัญของชาติโดยส่วนรวม สมควรใช้วิธีเพิกถอนที่ดิน

                  บริเวณนั้นออกจากการเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ซึ่งสามารถกระท าได้โดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา

                                      ๕.๑.๓ คณะรัฐมนตรีควรก าหนดมาตรการในการพิจารณาให้ความยินยอม

                  การเข้าท าประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎกระทรวง และระเบียบ
                  ที่ออกตามค าสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๓๑/๒๕๖๐ โดยต้องด าเนินกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชน

                  และเกษตรกรผู้มีส่วนได้เสีย ตามบทบัญญัติมาตรา ๕๗ และมาตรา ๕๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร

                  ไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ก่อนการอนุญาตให้เข้าท าประโยชน์ เพื่อเป็นหลักประกันว่าสิทธิของประชาชน
                  ผู้ได้รับผลกระทบหรืออาจได้รับผลกระทบจากการประกอบกิจการอย่างอื่นในเขตปฏิรูปที่ดินจะได้รับการ

                  คุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ และพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีนอกจากนี้ ในเรื่องการ
                  เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบควรมีการก าหนดหลักเกณฑ์การชดเชยเยียวยาที่ชัดเจนและคุ้มครองสิทธิของ

                  เกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบอย่างรอบด้าน มิใช่เพียงในเรื่องของการสูญเสียโอกาสจากการใช้ที่ดิน แต่หาก
                  การประกอบกิจการของเอกชนก่อให้เกิดผลกระทบในลักษณะอื่น เช่น ก่อให้เกิดมลพิษในสภาพแวดล้อม

                  ซึ่งส่งผลต่อการท าการเกษตรในที่ดินที่เกษตรกรได้ท ากินอยู่ จะต้องมีการชดเชยเยียวยาเกษตรกรผู้ได้รับ

                  ผลกระทบทั้งหมด เป็นต้น ทั้งนี้ การก าหนดหลักเกณฑ์การชดเชยเยียวยาควรพึงด าเนินกระบวนการ




                                                            ๕๙
   66   67   68   69   70   71   72   73   74   75   76