Page 227 - รายงานศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยผังเมืองกับการคุ้มครองสิทธิชุมชนและสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชน
P. 227

สำานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ



            พ.ศ. 2522 มีคำาสั่งให้รื้อถอนอาคารตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยคำาสั่งระบุว่า ผู้ฟ้องคดี

            ก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตและขัดต่อผังเมืองรวมเมืองมุกดาหาร ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 327

            (พ.ศ. 2540) ซึ่งมีกำาหนดระยะเวลาการใช้บังคับ 5 ปี แต่ได้ขยายระยะเวลาบังคับใช้ออกไปอีก 2 ครั้ง ครั้งละ
            1 ปี โดยมีผลใช้บังคับระหว่างปี พ.ศ. 2540 ถึง พ.ศ. 2547 การที่ผู้ฟ้องคดีก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต

            และขัดต่อผังเมืองรวมเมืองมุกดาหาร จึงเป็นการกระทำาที่ไม่ได้รับอนุญาตโดยชอบด้วยกฎหมาย คำาสั่งห้าม

            มิให้บุคคลใดใช้หรือเข้าไปในส่วนใดๆ ของอาคาร และคำาสั่งรื้อถอนอาคารพิพาทดังกล่าว ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2

            ดำาเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว แต่เนื่องจากกฎกระทรวงฉบับดังกล่าวได้กำาหนดระยะเวลา
            การใช้บังคับไว้และระยะเวลาการบังคับใช้ได้สิ้นสุดลงแล้ว จึงเห็นได้ว่าข้ออ้างของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่ว่า

            การก่อสร้างอาคารพิพาทขัดต่อผังเมืองรวมเมืองมุกดาหารเป็นสาระสำาคัญที่เป็นฐานในการออกคำาสั่งและ

            ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้ดำาเนินการใช้มาตรการทางปกครอง เพื่อให้เป็นไปตามคำาสั่งรื้อถอน
            อาคารแต่อย่างใด


                    ดังนั้น หากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จะใช้มาตรการทางปกครองภายหลังจากที่กฎกระทรวงฉบับดังกล่าว
            สิ้นสุดระยะเวลาบังคับใช้ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ไม่สามารถอ้างคำาสั่งรื้อถอนอาคารดังกล่าวเพื่อดำาเนินการใช้

            มาตรการทางปกครองต่อไปอีกได้ เนื่องจากอาคารของผู้ฟ้องคดีไม่อยู่ในบังคับของผังเมืองรวมเมือง

            มุกดาหารตามกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว พิพากษาให้เพิกถอนคำาสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่ให้รื้อถอนอาคาร
            ฉบับลงวันที่ 8 สิงหาคม 2546 โดยให้มีผลถัดจากวันที่ผังเมืองรวมเมืองมุกดาหารตามกฎกระทรวงฉบับที่

            327 (พ.ศ. 2540) สิ้นสุดการใช้บังคับ


                    จากแนวคำาพิพากษาศาลปกครองสูงสุดดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า คำาสั่งหรือการดำาเนินมาตรการทาง
            ปกครองใดๆ ของเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อควบคุมมิให้มีการใช้ประโยชน์ที่ดินที่ขัดต่อข้อกำาหนดของผังเมืองรวม

            อันเป็นการกระทำาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เช่น คำาสั่งให้รื้อถอนอาคารที่ก่อสร้างขัดต่อผังเมืองรวม ที่

            ใช้บังคับอยู่ในขณะออกคำาสั่งจะสิ้นผลการบังคับใช้เมื่อกฎกระทรวงผังเมืองรวมฉบับดังกล่าวหมดอายุลง

            ซึ่งสะท้อนให้เห็นปัญหาและข้อจำากัดในการกำากับดูแลมิให้มีการใช้ประโยชน์ที่ดินหรือดำาเนินกิจการใดๆ
            ที่ขัดต่อกฎหมายผังเมืองรวม เพราะแม้ว่าจะมีการดำาเนินการใดๆ ที่ต้องห้ามตามข้อกำาหนดกฎกระทรวง

            ผังเมืองรวม ซึ่งเจ้าพนักงานของรัฐที่มีอำานาจหน้าที่สามารถออกคำาสั่งหรือดำาเนินมาตรการทางปกครอง

            ในการป้องกันแก้ไขการกระทำาที่มิชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวได้ แต่หากการบังคับตามคำาสั่ง เช่น การรื้อถอน
            อาคารไม่เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาบังคับใช้ของกฎกระทรวงผังเมืองรวม หรือก่อนที่กฎกระทรวงดังกล่าว

            หมดอายุลง เจ้าหน้าที่ของรัฐก็ไม่อาจบังคับการตามคำาสั่งต่อไปได้ เพราะไม่มีฐานทางกฎหมายกำาหนดให้

            การดำาเนินการดังกล่าวขัดต่อกฎกระทรวงผังเมืองรวมอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผังเมืองรวมฉบับใหม่
            มีข้อกำาหนดห้ามการใช้ประโยชน์ที่ดินหรือการดำาเนินกิจการในลักษณะเดียวกับผังเมืองรวมฉบับเดิม

            ที่หมดอายุลง แต่มีการประกาศใช้บังคับล่าช้า เกิดช่องว่างในการบังคับใช้กฎหมายผังเมืองก็จะส่งผลให้มี



            9   ดูคำาพิพากษาที่มีลักษณะเดียวกันเพิ่มเติม คำาพิพากษาศาลปกครองสูงสุด อ. 449/2553




                                                          226
   222   223   224   225   226   227   228   229   230   231   232