Page 68 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 68

59




                  ทําให้ผู้ฟูองซึ่งเป็นพนักงานกลุ่มซึ่งไม่เคยได้รับเงินเพิ่มพิเศษมาก่อนไม่มีสิทธิได้รับเงินเพิ่มพิเศษตามมติที่
                  กลับมาให้จ่ายเงินเพิ่มพิเศษซึ่งไม่เป็นธรรมเพราะพนักงานทั้งสองกลุ่มปฏิบัติหน้าที่ในลักษณะเดียวกัน เห็นว่า

                  มติดังกล่าวขัดกับมาตรา 30 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
                                         ศาลปกครองวินิจฉัยว่า  พนักงานรัฐวิสาหกิจทุกคนที่เป็นผู้ปฏิบัติงานอยู่ในด้าน
                  วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดยไม่มีข้อแตกต่างกันในสาระสําคัญก็ต้องมีสิทธิที่จะได้รับเงินเพิ่มพิเศษดังกล่าว
                  เหมือนกันตามหลักกฎหมายทั่วไปที่ว่า  ฝุายปกครองต้องปฏิบัติต่อบุคคลที่แตกต่างกันในสาระสําคัญแตกต่าง
                  กันออกไปตามลักษณะเฉพาะของแต่ละคน การปฏิบัติต่อบุคคลที่เหมือนกันในสาระสําคัญแตกต่างกันก็ดี หรือ

                  การปฏิบัติต่อบุคคลที่แตกต่างกันในสาระสําคัญอย่างเดียวกันก็ดี ย่อมขัดต่อหลักความเสมอภาค เมื่อผู้ฟูองคดี
                  เป็นผู้ปฏิบัติงานในตําแหน่งสาขาวิชาชีพเฉพาะเช่นเดียวกับกลุ่มพนักงานรัฐวิสาหกิจ (กลุ่มเดิม) ที่ได้รับเงินเพิ่ม
                  พิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2544 เมื่อผู้ฟูองคดีไม่ได้รับเงินเพิ่มพิเศษดังกล่าวเช่นเดียว

                  กับพนักงานกลุ่มเก่าด้วย จึงเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.
                  2544 จึงเป็นมติที่ก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม จึงขัดต่อบทบัญญัติตามมาตรา 30 ของรัฐธรรมนูญ
                  แห่งราชอาณาจักรไทย จึงพิพากษาเพิกถอนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2544 ในส่วนที่กําหนด
                  เงื่อนไขให้พนักงานรัฐวิสาหกิจสาขาวิชาชีพขาดแคลนกลุ่มเดิมเท่านั้นมีสิทธิได้รับเงินเพิ่มพิเศษ ทั้งนี้ให้มีผล

                  นับตั้งแต่วันที่ได้มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ.2544
                                         คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่  อ.  285/2553  ผู้ฟูองคดีดํารงตําแหน่งรองปลัด
                  องค์การบริหารส่วนตําบล (เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป 5) ต่อมามีการสรรหานักบริหารงานองค์กรบริหารส่วน
                  ตําบล (เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป 7) ผู้ฟูองคดีจึงเข้าสมัครเพื่อต้องการปรับตําแหน่งให้สูงขึ้นจากเดิม ผลการ

                  คัดเลือก ผู้ฟูองคดีไม่ได้รับคัดเลือก แต่นายไพศาลได้รับคัดเลือกมาดํารงตําแหน่งนี้ ผู้ฟูองคดีจึงอ้างว่าตนถูกเลือก
                  ปฏิบัติ  เพราะตนมีอายุราชการและประสบการณ์การทํางานในสายงานปลัดองค์การบริหารส่วนตําบลเท่ากัน
                  แต่ไม่ได้รับการคัดเลือก
                                         ศาลปกครองพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่นายไพศาลมีอายุราชการและประสบการณ์

                  การทํางานในสายงานปลัดองค์การบริหารส่วนตําบลเท่ากับผู้ฟูองคดี แต่นายไพศาลกลับได้รับการคัดเลือก ถือว่า
                  เป็นการเลือกปฏิบัติต่อผู้ฟูองคดี แต่ปรากฏว่านายไพศาลมีคุณสมบัติครบถ้วนตามมาตรฐานกําหนดตําแหน่งและ
                  ผ่านการคัดเลือกเพื่อเลื่อนระดับให้ดํารงตําแหน่งสูงขึ้น ประกอบกับมีประสบการณ์การทํางานในตําแหน่งปลัด

                  องค์การบริหารส่วนตําบลในระดับ 6 มาแล้ว จึงเชื่อได้ว่าเป็นการใช้ดุลพินิจภายในขอบเขตของความชอบด้วย
                  เหตุผล และภายในขอบวัตถุประสงค์กฎหมาย กรณีจึงไม่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม
                                         จากบทบัญญัติของกฎหมายและแนวคําพิพากษาเกี่ยวกับแนวคิดการเลือกปฏิบัติ
                  ที่ปรากฏในประเทศไทย  จะเห็นได้ว่ายังมีแนวทางที่แตกต่างจากสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และสวีเดน
                  แต่ก็นับได้ว่าแนวคิดนี้ได้เกิดมีขึ้นในสังคมไทยแล้ว หากแนวคิดนี้มีการพัฒนาให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายสําคัญ

                  ในการสร้างความเสมอภาคให้ปรากฏเป็นจริงในสังคมได้ ก็จะส่งผลให้เกิดความเท่าเทียมได้ ไม่ว่าคนเราจะมี
                  ถิ่นกําเนิด เพศ เชื้อชาติ ภาษา สถานภาพแตกต่างกัน แต่ทุกคนก็ควรอยู่ร่วมกันได้อย่างเสมอภาค โดยไม่มีการ
                  เลือกปฏิบัติ
   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73