Page 42 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 42

33



                  2.4 ความเสมอภาคในสังคม (Social Equality)

                            ความเสมอภาค ถือว่าเป็นหลักพื้นฐานของศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ มนุษย์ย่อมได้รับการรับรอง

                  และคุ้มครองจากกฎหมายอย่างเท่าเทียมกันในฐานะที่เป็นมนุษย์โดยมิต้องคํานึงถึงคุณสมบัติอื่นๆ อาทิ เชื้อชาติ
                  ศาสนา ภาษา ถิ่นกําเนิด เป็นต้น ขณะเดียวกัน ก็ถือได้ว่าหลักความเสมอภาคนี้เป็นหลักที่ควบคุมมิให้รัฐใช้
                  อํานาจของตนตามอําเภอใจ โดยการใช้อํานาจของรัฐแก่กลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง รัฐต้องสามารถอธิบายได้ว่า
                  เพราะเหตุใดรัฐจึงกระทําการอันก่อให้เกิดผลกระทบหรือเป็นการให้ประโยชน์แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ

                  หากการให้เหตุผลไม่อาจรับฟังได้ แสดงว่าการใช้อํานาจของรัฐนั้นเป็นไปตามอําเภอใจ หลักความเสมอภาคจึงเป็น
                  หลักสําคัญในการรับรองและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสามารถนํามาตรวจสอบการใช้อํานาจของ
                  รัฐไม่ว่าจะเป็นฝุายนิติบัญญัติ ฝุายบริหาร และฝุายตุลาการได้ แนวคิดความเสมอภาคในสังคมเป็นแนวคิดที่ได้
                  รับการรวบรวม วิเคราะห์และสังเคราะห์จากนักคิดอย่างกว้างขวางและหลากหลาย ปัจจุบันยังไม่มีหลักเกณฑ์

                  สมบูรณ์ใดมาตัดสินความถูกผิดหรือความสมบูรณ์ของแนวคิดได้ มีเพียงดําเนินการในลักษณะของการรวบรวม
                  และนําเสนอข้อมูลจากมุมมองที่แตกต่างกัน ดังนั้นการตัดสินว่าจะเชื่อหรือประยุกต์ใช้ แนวคิดของสํานักคิดใด
                  จึงควรตั้งอยู่บนพื้นฐานการประเมินผลได้และผลเสียของแต่ละแนวคิด เปรียบเทียบกับสังคมที่เป็นจริงภายใต้

                  การคํานึงถึงสถานการณ์และบริบทของสภาพความเป็นจริงของสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน
                            2.4.1 ที่มาและแนวความคิดของความเสมอภาคในสังคม
                                  แนวคิดทางกฎหมายของหลักความเสมอภาคในปัจจุบันได้รับการรับรองอย่างชัดแจ้งโดยถือ
                  ว่าบุคคลย่อมมีความเสมอภาคที่จะได้รับการรับรองและคุ้มครองตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน (Fairness)
                  ซึ่งหมายถึง "หลักความเสมอภาคเบื้องหน้ากฎหมาย" (Equality  before  the  law)  ที่เป็นการยอมรับสิทธิ

                  เสรีภาพอันเป็นสาระสําคัญของความเป็นมนุษย์ที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่กําเนิดและไม่อาจพรากไปได้ จึงเป็นการ
                  แสดงให้เห็นถึงการยอมรับตามทฤษฎีกฎหมายธรรมชาติ (Natural law) ผู้ที่มีความคิดเช่นนี้ได้แสดงความคิดเห็น
                  ต่อต้านลัทธิสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยต้องการกีดกันพระมหากษัตริย์มิให้ใช้พระราชอํานาจผิดทํานองคลองธรรม

                  โดยอ้างถึงหลักกฎหมายที่ว่า "บุคคลทุกคนเกิดมาย่อมเสมอภาคกันและมีสิทธิบางประการ เช่น สิทธิในชีวิต
                  ร่างกาย ทรัพย์สินติดตัวมา สิทธินี้ไม่สามารถจําหน่ายจ่ายโอนได้" (สมยศ เชื้อไทย, 2535 : 138) หลักกฎหมาย
                  ธรรมชาตินี้ ยังเป็นแนวความคิดที่สอดคล้องกับสิทธิปัจเจกชนนิยม (Individualism) ในสมัยนั้นด้วย โดยได้ให้
                  ความสําคัญกับปัจเจกชนและสิทธิทั้งหลายของปัจเจกชน

                                  จุดกําเนิดของระบบปัจเจกชนนิยมในทางกฎหมายมหาชน  คือ คําประกาศสิทธิมนุษยชน
                  และพลเมืองฝรั่งเศส ลงวันที่ 26 สิงหาคม 1789 โดยการปฏิวัติปี 1789 ในประเทศฝรั่งเศสนี้ ได้ยกเลิกระบอบ
                  กษัตริย์ที่ปกครองด้วยระบบศักดินาซึ่งบุคคลขึ้นอยู่กับฐานันดรและชนชั้นที่ตนสังกัด ผู้ปฏิวัติได้ยกความสําคัญ
                  ของปัจเจกชนขึ้นแทน โดยคําประกาศนี้ให้ความสําคัญกับคนแต่ละคนรวมทั้งสิทธิเสรีภาพของบุคคลนั้นว่าเป็น

                  หัวใจของสังคม ตามทฤษฎีนี้ถือว่าหัวใจของสังคมอยู่ที่การยอมรับคุณค่าของทุกคนแต่ละคนรวมกันเป็นสังคม
                  รัฐหรือสังคมไม่สามารถก้าวก่ายสิทธิของเขาได้ เว้นเพื่อประโยชน์ส่วนรวม (บวรศักดิ์ อุวรรณโณ, 538 :  70)
                  อันจะเห็นได้จากคําประกาศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและพลเมืองปี ค.ศ.1789 ซึ่งมีข้อความว่า “มนุษย์เกิดมาและ
   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47