Page 149 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 149
140
5.1.3.3 มาตรการทางกฎหมายในการแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมของ
บุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีของประเทศไทย
มาตรการทางกฎหมายเพื่อขจัดปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของประเทศ
ไทยมีบัญญัติครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และต่อมาในรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 แม้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 จะถูกยกเลิกและให้ใช้รัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แล้วก็ตาม การห้ามมิให้มีการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม
ก็ยังคงได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญ
แห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ความว่า “ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้
ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคบรรดาที่ชนชาวไทยเคยได้รับการคุ้มครองตามประเพณี
การปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและตามพันธกรณีระหว่าง
ประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่แล้ว ย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญนี้”
ดังนั้น การคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีในประเด็นต่างๆ
จึงอยู่ภายใต้การรับรองและคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หลักการเรื่องการเลือกปฏิบัติโดย
ไม่เป็นธรรมจึงยังคงเป็นไปตามมาตรา 30 วรรคสามของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ที่
บัญญัติว่า “การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องถิ่นกําเนิด เชื้อชาติ
ภาษา เพศ อายุ ความพิการ สภาพทางกายหรือสุขภาพ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจหรือสังคม
ความเชื่อทางศาสนา การศึกษาอบรม หรือความคิดเห็นทางการเมืองอันไม่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
จะกระทํามิได้”
รัฐธรรมนูญของไทยมิได้มีการให้คํานิยามการเลือกปฏิบัติไว้ว่ามีความหมายอย่างไร
ต่างกับในกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายของสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และสวีเดน แต่เมื่อพิจารณา
จากบทบัญญัติดังกล่าวนี้ สามารถอธิบายได้ว่า หลักความเสมอภาคตามที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ในมาตรา 30
กําหนดให้มีการเลือกปฏิบัติได้ แต่ต้องเป็นการเลือกปฏิบัติที่เป็นธรรม คือการเลือกปฏิบัติกับบุคคลที่แตกต่าง
กันเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันโดยการเลือกปฏิบัตินั้นจะต้องมีเหตุผลควรแก่การรับฟังได้ การเลือกปฏิบัติโดย
เป็นธรรมคือการให้สิทธิพิเศษหรืออภิสิทธิ์แก่บุคคลใดเหนือกว่าบุคคลหนึ่งเพื่อให้บุคคลที่ด้อยกว่าเกิดความเท่า
เทียมกันกับบุคคลที่เหนือกว่า การเลือกปฏิบัติที่รัฐธรรมนูญห้ามตามหลักความเสมอภาค คือ "การเลือกปฏิบัติ
โดยไม่เป็นธรรม" (Unfair discrimination) การปฏิบัติต่อบุคคลที่แตกต่างกัน (Different treatment) สามารถ
กระทําได้ เพียงแต่มีข้อจํากัด 2 ประการ คือ 1) ห้ามมิให้แบ่งแยกบุคคลออกเป็นประเภทโดยคํานึงถึงศาสนา
นิกาย ลัทธินิยม 2) การปฏิบัติต่อบุคคลที่ถูกแบ่งแยกประเภทแตกต่างกันจะกระทําได้และบางกรณีจําเป็นต้อง
กระทําด้วย แต่การเลือกปฏิบัติเช่นว่านี้จะต้องมีเหตุผลอันหนักแน่นควรค่าการรับฟังได้ (Raison objectivement
plausible) เมื่อ "บุคคลที่เหมือนกันในสาระสําคัญจะต้องปฏิบัติเหมือนกัน และบุคคลที่ต่างกันในสาระสําคัญ
จะต้องปฏิบัติแตกต่างกัน" ตามหลักการเลือกปฏิบัติโดยเป็นธรรม
ดังนั้น หลักความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัตินี้ สามารถกล่าวได้ว่า นอกจาก
ความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติในความหมายทั่วไปแล้ว ในมาตรา 30 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่ง