Page 151 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 151

142




                  เหตุต่างๆ เหล่านี้มาอ้างเพื่อให้มีการปฏิบัติที่แตกต่าง ถ้าเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งหมายถึง การปฏิบัติที่
                  ไม่มีเหตุผลควรค่าแก่การรับฟัง ย่อมเป็นการเลือกปฏิบัติ (คําพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ 42/2547)

                                         ผลจากการศึกษามาตรการทางกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติในครั้งนี้
                  สรุปได้ว่าทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศยังไม่มีมาตรการทางกฎหมายที่เป็นกฎหมายเฉพาะที่บัญญัติถึงเรื่อง
                  การเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีโดยตรง แต่บทบัญญัติในกฎหมายเกี่ยวกับการเลือก
                  ปฏิบัติของสหราชอาณาจักร  สหรัฐอเมริกา และสวีเดน มีความชัดเจนและคลอบคลุมการเลือกปฏิบัติในทุกเรื่อง
                  และสามารถนํามาใช้ในการแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีได้หากมี

                  กรณีเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี แต่สําหรับประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายคุ้มครอง
                  การถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีโดยเฉพาะ รวมทั้งยังไม่มีกฎหมายคุ้มครอง
                  การถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลโดยรวมที่ครอบคลุมถึงบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี นอกจากที่มี

                  บัญญัติรับรองเป็นหลักการรวมๆ ไว้ในรัฐธรรมนูญเท่านั้น กฎหมายที่ออกมาเพื่อคุ้มครองการถูกเลือกปฏิบัติ
                  โดยตรงของประเทศในปัจจุบันจะมีอยู่ 2 เรื่อง คือ การคุ้มครองคนพิการเพื่อมิให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็น
                  ธรรมเพราะเหตุสภาพทางกายหรือสุขภาพ ได้แก่ พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.
                  2550 และการคุ้มครองการถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ได้แก่ พระราชบัญญัติความเท่าเทียม

                  ระหว่างเพศ พ.ศ.2558
                                         ส่วนกลไกการควบคุมตรวจสอบการกระทําที่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม
                  ของบุคคลเพราะเหตุอื่นๆ (ที่ไม่ใช่เรื่องความพิการและเรื่องเพศ ซึ่งมีกฎหมายเฉพาะคุ้มครองการถูกเลือก
                  ปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมแล้ว) รวมทั้งการเป็นบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี พบว่า การไม่มีกฎหมายกําหนด

                  มาตรการปูองกันการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลที่ชัดเจนส่งผลให้บุคคลซึ่งถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็น
                  ธรรมไม่ได้รับความคุ้มครองและไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร ช่องทางในการใช้สิทธิทางศาลหรือยกขึ้นเป็น
                  ข้อต่อสู้คดีในศาลหรือร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่มีอํานาจพิจารณาปัญหาก็ไม่ชัดเจนเพราะเป็นการคุ้มครองโดย
                  หลักการในรัฐธรรมนูญเท่านั้น ไม่มีกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองโดยตรงและไม่มีหน่วยงานผู้รับผิดชอบโดยตรง

                  อีกด้วย กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมเท่าที่มีอยู่ในประเทศไทยนี้ยังไม่เพียงพอที่จะ
                  คุ้มครองและปูองกันมิให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล และการไม่นํามาตรฐานทั่วไปในเรื่องการ
                  ห้ามเลือกปฏิบัติต่อบุคคลมาบัญญัติเป็นกฎหมายภายในประเทศนี้เป็นการกระทําที่ไม่สอดคล้องกับหลักการสิทธิ

                  มนุษยชนสากลตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคี
                            5.1.4  ทางเลือก ข้อเสนอแนะหรือข้อเสนอในการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกฎหมายที่เป็นการ
                  เลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
                                ผลการศึกษาวิจัยจากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากผู้ให้สัมภาษณ์ ผู้เข้าร่วมสนทนากลุ่มและ
                  ผู้ให้ความคิดเห็นในเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็น สรุปได้ว่า ผู้ให้ข้อมูลสําคัญส่วนใหญ่เห็นว่ายังมีการเลือก

                  ปฏิบัติต่อบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีอยู่ในสังคมไทย ทั้งในด้านการศึกษา การประกอบอาชีพ และการใช้ชีวิต
                  ประจําวัน การเลือกปฏิบัติในบางเรื่อง เช่น การไม่รับบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสีเข้าศึกษาและทํางานในสาขา
                  วิชาแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ ฯลฯ เป็นการเลือกปฏิบัติที่มีเหตุผลที่รับ
   146   147   148   149   150   151   152   153   154   155   156