Page 138 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง โครงการศึกษาวิจัยปัญหาการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
P. 138
129
โดยมีข้อจํากัดทั้งในด้านการศึกษาในสถาบันการศึกษาของตํารวจ สถาบันการศึกษาของทหารที่จะไม่รับบุคคล
ผู้ที่มีอาการตาบอดสีเข้าศึกษา และในมหาวิทยาลัยที่ไม่สามารถเข้าเรียนในคณะ/สาขาวิชาต่างๆ เช่น แพทยศาสตร์
วิศวกรรมศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ เภสัชศาสตร์ ด้านการประกอบอาชีพก็จะถูกจํากัดไม่สามารถ
เข้าทํางานในวิชาชีพที่มีข้อจํากัดไม่ไห้บุคคลผู้มีอาการตาบอดสีเข้าเรียนด้วย ส่วนด้านการใช้ชีวิตประจําวัน พบว่า
ประเด็นที่ผู้ให้ข้อมูลทั้งตัวแทนบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้อง
เห็นตรงกันคือ ประเด็นเรื่องการขอรับใบอนุญาตขับรถ ข้อค้นพบจากผลการศึกษานี้ แสดงให้เห็นว่าในประเทศไทย
มีปรากฏการณ์ของปัญหาการเลือกปฏิบัติของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี
5.1.2 หลักการทางด้านสิทธิมนุษยชน และแนวความคิดเกี่ยวกับการถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็น
ธรรมของผู้ที่มีอาการตาบอดสี
จากการศึกษาหลักการทางด้านสิทธิมนุษยชน และแนวความคิดเกี่ยวกับการถูกเลือกปฏิบัติ
โดยไม่เป็นธรรมของบุคคลผู้ที่มีอาการตาบอดสี โดยวิธีการศึกษาเอกสาร (Documentary research) สรุปผล
การศึกษาวิจัยได้ ดังต่อไปนี้
5.1.2.1 หลักการทางด้านสิทธิมนุษยชน
คําว่าสิทธิมนุษยชน ในอดีตยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก จนกระทั่งมีการก่อตั้ง
องค์การสหประชาชาติขึ้น คํานี้จึงได้ถูกนํามาใช้ทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับนานาชาติอย่างแพร่หลาย
ในกฎบัตรสหประชาชาติ กล่าวถึงสิทธิมนุษยชนไว้หลายแห่งในอารัมภบท เช่น ข้อความที่กล่าวถึงความมุ่งหมาย
ของสหประชาชาติว่า “เพื่อเป็นการยืนยันความเชื่อในสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ในศักดิ์ศรีและ
คุณค่าของมนุษยชาติ To Reaffirm Faith in Fundamental Human Rights, in the Dignity and Worth
of the Human Person….” (United Nation Organization, 2012)
ในตัวกฎบัตรสหประชาชาติเองเพียงแต่ได้กล่าวถึงสิทธิมนุษยชนไว้ในที่ต่างๆ ใน
อารัมภบทเท่านั้น มิได้มีคํานิยามหรือคําอธิบายเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด ในทางวิชาการจึงมีการ
พยายามอธิบายคําปรารภของปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่ว่า “โดยที่การยอมรับนับถือเกียรติศักดิ์
ประจําตัวและสิทธิเท่าเทียมกันและโอนมิได้ของบรรดาสมาชิกทั้งหลายแห่งครอบครัวมนุษยชนเป็นหลักการแห่ง
อิสรภาพ ความยุติธรรมและสันติภาพโลก” นั้น หมายถึง สิทธิมนุษยชนเป็นสิทธิประจําตัวของมนุษย์ทุกคน
เพราะทุกคนมีศักดิ์ศรี มีเกียรติศักดิ์ประจําตัว สิทธิมนุษยชนไม่สามารถโอนให้แก่กันได้ แต่นักปฏิบัติการสิทธิ
มนุษยชน ให้คําอธิบายว่า สิ่งจําเป็นสําหรับคนทุกคนที่ต้องได้รับในฐานะที่เป็นคน ซึ่งทําให้คนคนนั้นมีชีวิตมี
ความเหมาะสมแก่ความเป็นคนและสามารถมีการพัฒนาตนเองได้ คือ “สิทธิมนุษยชน”
ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน นอกจากระบุขอบเขตของสิทธิมนุษยชนแล้ว
ยังได้นําเสนอหลักการสําคัญของสิทธิมนุษยชนไว้ด้วย หลักการนี้ถือเป็นสาระสําคัญที่ใช้อ้างอิงความเป็นสากล
ของสิทธิมนุษยชน และใช้เป็นเครื่องชี้วัดว่าสังคมใดมีการเคารพและปฏิบัติตามหลักการสิทธิมนุษยชนหรือไม่
หลักการพื้นฐานของสิทธิมนุษยชน 6 ประการ ได้แก่ 1) สิทธิมนุษยชนเป็นสิทธิ
ธรรมชาติติดตัวมนุษย์มาแต่เกิด (Natural rights) 2) สิทธิมนุษยชนเป็นสากลและไม่สามารถถ่ายโอนกันได้