Page 592 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 592
้
เข้ามาในเขตบ้าน ตัวบ้านอยู่ชิดเขตทาง สายไฟฟาพาดผ่านบ้าน เกรงจะได้รับอันตราย จึงรื้อถอนบ้าน
พร้อมกับบ้านใกล้เคียงหลังอื่น ผู้ร้องไม่ได้รับเงินค่าเวนคืนที่ดินและค่ารื้อถอน เพื่อนบ้านใกล้เคียงที่รื้อ
ถอนพร้อมกันได้รับเงินแล้ว ผู้ใหญ่บ้านทําหนังสือถึงอธิบดีกรมทางหลวงว่าผู้ร้องตกค้างจากการรับค่า
รื้อถอน
ผู้ร้องร้องเรียนไปยังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัด สํานักนายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจการ
แผ่นดินของรัฐสภา แต่ไม่ได้รับแจ้งผลการพิจารณา เจ้าหน้าที่ทางหลวง ศูนย์สร้างทางขอนแก่น มา
ตรวจสอบหลายครั้งและแจ้งว่าจะจ่ายค่ารื้อถอนให้เต็มพื้นที่ แต่ผู้ร้องยังไม่ได้รับเงิน ศูนย์สร้างทาง
ขอนแก่น กรมทางหลวง ตรวจสอบพบสิ่งปลูกสร้างของผู้ร้องไม่อยู่ในเขตทาง(ไม่มีบ้านหลังเก่าให้
ประเมินเป็นครั้งที่ 2 ว่าถูกเขตทางเท่าไร) เจ้าหน้าที่จึงไม่เข้าสํารวจคิดราคาค่าทดแทนให้ ผู้ร้องรื้อ
ถอนโดยพลการจึงไม่สามารถที่จะจ่ายเงินค่าทดแทนให้ได้ สํานักทางหลวงที่ 5 และ โครงการจัด
กรรมสิทธิ์ที่ดินที่ 1 พิจารณาเห็นตรงด้วยเหตุผลเดียวกันกับศูนย์สร้างทางขอนแก่น ศูนย์สร้างทาง
ขอนแก่นมีหนังสือถึงผู้อํานวยการสํานักทางหลวงที่5 แจ้งผลการดําเนินการเรื่องพิพาท คณะกรรมการ
กําหนดค่าทดแทนเป็นเงิน 8,580 บาท อยู่ระหว่างการขอเงินจัดสรรและจะมีหนังสือแจ้งผู้ร้องให้มาทํา
ข้อตกลงราคาค่าทดแทนขั้นปรองดองในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2548 ”
“ กรุงเทพมหานคร : ผู้ร้องเป็นผู้เช่าตึกแถวและที่ดิน ครอบครองทําประโยชน์ จด
ทะเบียนการเช่า 25 ปีตั้งแต่ พ.ศ. 2531 - 2556 ระหว่างการเช่าผู้ร้องต่อเติมก่อสร้างกําแพงคอนกรีต
และเทพื้นปูนคอนกรีตด้านหน้าตึกแถวและติดตั้งกันสาดโครงเหล็กเพื่อประโยชน์ในการค้าขายของผู้
เช่า
พ.ศ. 2541 มีประกาศพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่ที่ผู้
ร้องเช่าอยู่ ผู้ร้องไม่ทราบถึงการประกาศเนื่องจากไม่มีทางราชการแจ้งให้ทราบ เจ้าของตึกแถวที่ผู้ร้อง
เช่าในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์เข้าทําสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืน รับเงินค่าทดแทน
บางส่วนและเงินค่าเวนคืนในส่วนที่ดินด้านหน้าตึกแถวติดฟุตบาทและส่วนที่เป็นกันสาดด้านตึกที่ผู้ร้อง
ทําการต่อเติม จากกรมทางหลวงชนบท
10 มกราคม 2547 ผู้ร้องได้รับหนังสือจากกรมทางหลวงชนบทให้รื้อถอนกันสาดออกจากแนว
เขตเวนคืนที่ดินภายในวันดังกล่าว มิฉะนั้นเจ้าหน้าที่จําเข้าทําการรื้อถอนในวันที่ 12 มกราคม 2547 ผู้
ร้องไม่รื้อถอนเพราะเห็นการกระทํากรมทางหลวงชนบทไม่ชอบ
12 มกราคม 2547 เจ้าหน้าที่กรมทางหลวงนํากําลังตํารวจเข้ารื้อถอนกันสาดและสิ่งปลูกสร้าง
เกิดการโต้แย้งระหว่างเจ้าหน้าที่กับทนายความผู้ร้อง ว่าการรื้อถอนไม่ถูกต้องตามกฎหมายและแจ้ง
เจ้าหน้าที่ตํารวจให้เข้ายุติการรื้อถอน จึงถูกแจ้งความกลับฐานขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
ทนายฯ แจ้งกลับข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบ บุกรุก และทําให้เสียทรัพย์ ศาลตัดสินการกระทําของของ
ทนายฯ ไม่ผิด เจ้าหน้าที่ปิดประกาศแจ้งก่อนเข้ารื้อถอนน้อยกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด
5 สิงหาคม 2547 กรมทางหลวงมีหนังสือแจ้งผู้ร้องให้ไปตกลงทําสัญญาซื้อขาย
อสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืน ซึ่งมีเฉพาะค่าทดแทนค่าขนย้ายทรัพย์สิน ผู้ร้องโต้แย้งขอให้เจ้าพนักงาน
สํารวจทรัพย์สินที่จะขนย้ายและต้องไม่กระทําด้วยตาเปล่าแล้วจึงทําสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
9‐50