Page 596 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 596
9.4 วิเคราะห์นโยบายกฎหมายที่เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิ
การถือครองที่ดินของเอกชน เป็นการถือครองตามสิทธิที่ได้รับอนุญาตจากอํานาจสูงสุด เริ่ม
จากอํานาจพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และอํานาจกฎหมายภายหลังเปลี่ยนการ
ปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย ลักษณะการถือครองที่ดินเริ่มด้วยการอาศัยผืนดินเป็นถิ่นที่อยู่
ความก้าวหน้าของระบบการค้าการเงินทําให้ที่ดินและสิทธิในที่ดินมีราคาและถือเอาได้ ปริมาณที่ดินมี
ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ผู้มีอํานาจและกําลังซื้อเท่านั้นที่สามารถถือครองที่ดินได้จริง
จากการศึกษารายงานการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนเรื่องที่ดินเอกชนเฉพาะกรณี
่
ั
คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและปาตรวจสอบและออกมาตรการแก้ไขปญหา พ.ศ. 2549 -
2555
ั
พบว่าปญหาที่ทําให้เกิดการละเมิดสิทธิ
1. ภูมิรู้ของผู้เกี่ยวข้อง
ภูมิรู้ของผู้เกี่ยวข้องทั้งประชาชนและผู้มีอํานาจตามกฎหมายบัญญัติมีที่มาของความรู้ทาง
ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นต่างกัน บนฐานความไม่สามารถรู้ทั่วถึงกัน ประชาชนท้องถิ่นเรียนรู้การ
มีอยู่และสิ้นสลายของทรัพยากรธรรมชาติจากประสบการณ์ตรง ดูแล รักษา ด้วยวิธีการทางธรรมชาติ
สืบทอดมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ ประชาชนต่างพื้นที่ที่สามารถเข้าสืบสิทธิการถือครองมีภูมิรู้ภูมิสามารถ
ตามหนังสือสําคัญแสดงสิทธิในที่ดิน ผู้มีอํานาจหน้าที่ตามกฎหมายเรียนรู้การมีอยู่และสิ้นสลายของ
ทรัพยากรธรรมชาติจากตําราวิชาการ จากการบอกเล่าของบุคคลอื่น จากการค้นคว้าหาความรู้จากสื่อ
เทคโนโลยี จากการลงพื้นที่ จากสิ่งที่ปรากฏและสิ่งที่บุคคลอื่นทําให้ปรากฏฯ ปฏิบัติราชการตาม
นโยบายและระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน ผลัดเปลี่ยนตําแหน่ง โยกย้ายพื้นที่ ตามวาระปฏิบัติ
พยานหลักฐานเป็นสิ่งที่ใช้พิสูจน์และยืนยันข้อเท็จจริงถึงความเป็นเจ้าของหรือผู้มีสิทธิ
ั
ครอบครองทําประโยชน์เพื่อคลายปญหาตามสภาพภูมิรู้ ทางปฏิบัติการพิสูจน์และยืนยันข้อเท็จจริง
กระทําได้ยาก เนื่องจากมีข้อเท็จจริงหลายชุด ข้อเท็จจริงที่ยังมีข้อถกเถียง ยังไม่เป็นที่ยุติ ข้อเท็จจริงที่
ขัดแย้ง ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ความทับซ้อน คลาดเคลื่อน ของพยานเอกสาร เช่น การทําแผน
ที่ในหนังสือสําคัญแสดงสิทธิในที่ดินโดยมิต้องทําการรังวัดฯ การสร้างขั้นตอนและเงื่อนไขการพิสูจน์
ั
ถูกผิด การรับฟง การชั่งนํ้าหนัก การให้เหตุผลทางพยานหลักฐานของทางราชการ ความไม่ถูกต้อง
ความขัดแย้ง และภูมิความรู้ของตัวพยานหลักฐาน ทําให้เกิดพยานหลักฐานทางราชการหลายชุด
่
หลายฝายอ้างสิทธิแห่งตน เกิดการซ้อนทับสิทธิในที่ดินอื่นของประชาชน การใช้เทคโนโลยีพิสูจน์
ความถูกผิดไม่สามารถกระทําได้โดยสะดวกเนื่องจากงบประมาณมีจํากัด เกิดความล่าช้าใน
กระบวนการพิสูจน์ ความเชี่ยวชาญและความเท่าทันในการพิสูจน์พยานหลักฐานจํากัดความสามารถ
เฉพาะตัวบุคคล ไม่เพียงพอต่อพยานหลักฐานทั้งกระบวนการ เกิดข้อเท็จจริงที่ปราศจาก
พยานหลักฐานรองรับ ทางราชการนําใช้อ้างอิง
2. การปฏิบัติราชการของเจ้าหน้าที่รัฐ
การปฏิบัติราชการตามสภาวะภูมิรู้ ขีดความสามารถ วิธีปฏิบัติ และมาตรฐานความ
รับผิดชอบขององค์กร ภายใต้กรอบปฏิบัติและแรงกดดันจากสิ่งเร้ารอบด้านส่งผลให้ผลการปฏิบัติ
9‐54