Page 588 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 588

พบว่าเป็นเลขที่ดินว่างไม่มีโฉนด เจ้าของข้างเคียงและผู้ปกครองท้องที่ให้ถ้อยคําว่าที่ดิน 132 เท่าที่
                       ทราบเป็นที่ตั้งวัดกลาง บางส่วนให้ชาวบ้านเช่าทําประโยชน์ แต่ไม่ทราบว่ามีการออกโฉนดที่ดินแล้ว
                       หรือไม่ นายช่างรังวัดบันทึกถ้อยคําว่า “เป็นที่วัดร้าง”

                              เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเรียกผู้ร้องมาชี้ตําแหน่งที่พิพาท ผู้ร้องนําชี้ตําแหน่งที่ดินตรงกับ
                       เลขที่ดิน 132  ผู้ร้องคัดค้านการขอออกโฉนดที่ดินของวัดกลางไม่ได้เนื่องจากพ้นกําหนดเวลา เจ้า
                       พนักงานฯ จึงแนะนําให้ผู้ร้องยื่นคําขอรังวัดออกโฉนดที่ดินตาม ส.ค.1 เลขที่ 12 ซึ่งหากวัดกลาง

                       คัดค้านก็จะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนเปรียบเทียบสิทธิในที่ดิน
                              เมษายน 2548 ผู้ร้องยื่นคําขอรังวัดได้เนื้อที่ 1-2-71 ไร่ มากกว่าหลักฐานเดิม 0-1-38 ไร่
                       เจ้าของที่ดินข้างเคียงไม่รับรองแนวเขต เจ้าหน้าที่ศาสนสมบัติคัดค้านอ้างรังวัดทับที่วัด กํานันร่วม

                       ระวังชี้แนวเขตไม่สามารถชี้แนวเขตได้เนื่องจากเชื่อว่าที่พิพาทอยู่ในที่ของวัด สํานักงานที่ดินจังหวัด
                       สอบสวนเปรียบเทียบสิทธิในที่ดินให้สํานักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเป็นผู้ได้สิทธิในที่พิพาท ”
                              “ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้ าหลวง จังหวัดเชียงราย : ผู้ร้องที่ 1 มีที่ดินพิพาท 2 แปลง อยู่ในพื้นที่
                                                            ้
                       เตรียมความพร้อมก่อสร้างมหาวิทยาลัยแม่ฟาหลวง  ถูกมหาวิทยาลัยฯ เวนคืนไม่ได้รับค่าชดเชย
                       แปลงที่ 1 มีรั้วล้อมตั้งอยู่ด้านหน้ามหาวิทยาลัยฯ เนื้อที่ 25 ไร่ แปลงที่ 2 มีสัญญาซื้อขายโดยกํานัน
                       และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านรวบรวมมาขายให้ตั้งอยู่ด้านหลังมหาวิทยาลัยฯ เนื้อที่ 700 ไร่ เพื่อปลูกยางพารา

                       ผู้ร้องที่ 2 มีที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ ครอบครองทําประโยชน์ต่อจากบิดา เนื้อที่ 6 ไร่อยู่ด้านหลัง
                       มหาวิทยาลัย เคยแจ้งองค์การบริหารส่วนตําบลว่าตนมีที่ดินอยู่ในเขตมหาวิทยาลัยฯ แต่องค์การ

                       บริหารส่วนตําบลแจ้งว่าหากที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิจะไม่ได้ค่าเวนคืน จึงไม่ได้ไปแจ้งคณะกรรมการฯ
                              ผู้ร้องที่ 1 ติดต่ออําเภอ เรื่องเงียบ นิติกรมหาวิทยาลัยฯ แจ้งว่าถ้ารังวัดแล้วมีที่ดินอยู่จริง ทาง
                       มหาวิทยาลัยจะจ่ายเงินชดเชยค่าที่ดินให้
                              20 มกราคม 2548 ผู้ร้องที่ 1 ได้รับคําตอบจากนิติกรมหาวิทยาลัยฯ ว่าคณะกรรมการมีมติไม่

                       จ่ายเงินค่าชดเชยโดยไม่แจ้งเหตุผลให้ทราบ จากนั้นมีใบขอบคุณจากทางมหาวิทยาลัยฯ ส่งมาที่บ้านผู้
                       ร้องที่ 1 ว่าขอบคุณที่บริจาคที่ดินให้มหาวิทยาลัยฯ  ทราบเหตุผลภายหลังที่ดินแปลงที่ 1 ไม่เคย

                       ปรากฏว่าผู้ร้องที่ 1 เป็นผู้ครอบครองหรือไม่มีใครเป็นผู้ครอบครอง ไม่มีพยานเอกสารมีเพียงแต่พยาน
                       บุคคล ที่ดินแปลงที่ 2 เป็นที่เนินเขาไม่ได้ทําประโยชน์ ค่าชดเชยจ่ายเฉพาะที่นาที่ไม่มีเอกสารสิทธิ ที่
                       ไร่และที่สวนไม่จ่าย
                              21 พฤษภาคม 2549 เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยฯ ตรวจสอบสภาพที่ดินร่วมกับพี่ชายผู้ร้องที่ 2

                                                                          ั
                       ปรากฏพื้นที่ดังกล่าวมีเนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ ไม่มีเอกสารสิทธิ ปจจุบันเป็นที่ดินของมหาวิทยาลัยฯ และ
                       ที่สวนไม่มีเอกสารสิทธิไม่จ่าย

                              จังหวัดไม่สามารถพิจารณาทบทวนกฎเกณฑ์การจ่ายค่าเวนคืน จังหวัดไม่สามารถจ่ายค่า
                       เวนคืนให้ได้เพราะเป็นไปตามมติคณะกรรมการพิจารณาการจ่ายค่าชดเชยที่ดินให้ราษฎรซึ่งมีมติ
                       สอดคล้องกับคณะทํางานเตรียมความพร้อมด้านที่ดินสําหรับจัดตั้งมหาวิทยาลัยฯ ”





                                                                                                      9‐46
   583   584   585   586   587   588   589   590   591   592   593