Page 102 - ศัพท์สิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนศึกษา
P. 102

ความเป็นธรรมในการดำาเนินคดี  เช่น  องค์หลักการว่าด้วยความเป็น
            อิสระของผู้พิพากษา/ตุลาการ (ดู BODY OF PRINCIPLES ON THE
            INDEPENDENCE  OF  THE  JUDICIARY)  การกำาหนดให้ผู้ต้องหา
            มีสิทธิที่จะมีทนายความ สิทธิในการนำาพยานเข้าสืบและการพิจารณาคดีกระทำา
            โดยเปิดเผยต่อสาธารณะ เป็นต้น



                  FALSE TESTIMONY      เบิกความเท็จต่อศาล

                  การให้ถ้อยคำา  หรือแสดงข้อความ  ในฐานะเป็นพยานต่อศาลในการ
            พิจารณาคดีกฎหมายกำาหนดให้การเบิกความเท็จต่อศาลเป็นความผิดอาญา
                  ไม่ว่าคดีแพ่งหรือคดีอาญา การเบิกความเท็จนั้น บุคคลผู้เบิกความเท็จ
            จะต้องรู้อยู่ก่อนแล้วว่าข้อเท็จจริงนั้นเป็นความเท็จ  ถ้าไม่รู้ว่าสิ่งนั้น
            เป็นความเท็จไม่ถือว่าเป็นการเบิกความเท็จ

                  ประมวลกฎหมายอาญามาตรา  177  บัญญัติความผิดเกี่ยวกับการ
            เบิกความเท็จต่อศาลว่า

                  “ผู้ใดเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ถ้าความเท็จนั้น
            เป็นข้อสำาคัญในคดี  ต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินห้าปี  หรือปรับไม่เกินหนึ่ง
            หมื่นบาท หรือทั้งจำาทั้งปรับ
                  ถ้าความผิดดังกล่าวในวรรคแรก  ได้กระทำาในการพิจารณาคดี
            อาญา  ผู้กระทำาต้องระวางโทษจำาคุกไม่เกินเจ็ดปี  และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่น
            สี่พันบาท”

                  อนึ่ง  จำาเลยที่เบิกความในคดีอาญาที่ฟ้องตนว่า  กระทำาความผิด
            จะไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จ เนื่องจากแนวคิดตามกฎหมายมีว่า บุคคล
            ทุกคนมีสัญชาตญาณรักตัวเองและจำาเป็นต้องปกป้องให้ตนเองพ้นภัย
            นอกจากนั้นหลักกฎหมายวิธีพิจารณาคดีความอาญามีว่า  บุคคลมีสิทธิที่จะ
            ไม่ให้การใด  ๆ  เลยก็ได้  เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำาสืบพยานหลักฐาน
            ให้ศาลเห็นว่า จำาเลยกระทำาผิด






                                                                        91
   97   98   99   100   101   102   103   104   105   106   107