Page 122 - รายงานการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง ปัญหาและมาตรการทางกฎหมายในการรับรองและคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว
P. 122
๑๐๗
สิทธิในความเป็นส่วนตัวก็ได้ก่อให้เกิดหน้าที่หรือความผูกพันต่อบุคคลทั้งหลายในอันที่จะต้องไม่กระท่า
การอย่างใดๆ ที่จะเป็นการแทรกแซงหรือรุกล้่าสิทธิดังกล่าว ทั้งจากองค์กรของรัฐ (ในความสัมพันธ์
ระหว่างภาครัฐกับเอกชน) และจากเอกชนหรือปัจเจกบุคคล (ในความสัมพันธ์ระหว่างเอกชน
หรือปัจเจกบุคคลด้วยกันเอง)
ส่าหรับประเทศไทย สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวได้รับการรับรองและคุ้มครอง
ไว้โดยชัดแจ้งในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว
จึงมีคุณค่าในระดับรัฐธรรมนูญเลยทีเดียว ดังนั้น โดยหลักแล้ว องค์กรของรัฐย่อมมิอาจด่าเนินมาตรการ
หรือกระท่าการอย่างใดๆ อันเป็นการแทรกแซงหรือรุกล้่าการใช้สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคล
มิได้ อันจะเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
๑.๒ สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว กับข้อยกเว้นของการกระท าอันเป็นการแทรกแซง
หรือรุกล้ าสิทธิดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมาย
แม้ว่าโดยหลักแล้ว องค์กรของรัฐจะมิอาจกระท่าการหรือด่าเนินมาตรการใดๆ
อันเป็นการแทรกแซงหรือรุกล้่าการใช้สิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น
แต่ในบางสถานการณ์ องค์กรของรัฐอาจมีความจ่าเป็นต้องด่าเนินมาตรการทางกฎหมายหรือทาง
ปกครองอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันอาจมีผลเป็นการแทรกแซงหรือรุกล้่าสิทธิ
ในความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลได้
อย่างไรก็ตาม การที่องค์กรของรัฐจะด่าเนินมาตรการหรือกระท่าการอย่างหนึ่ง
อย่างใดอันเป็นการแทรกแซงหรือรุกล้่าสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลได้ จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข
บางประการอันเป็นหลักประกันสิทธิของบุคคลที่อาจได้รับผลกระทบจากการด่าเนินมาตรการหรือการ
กระท่าการขององค์กรของรัฐ เพื่อป้องกันมิให้การด่าเนินมาตรการหรือการกระท่าการอย่างใดๆ ขององค์กร
ของรัฐเป็นไปตามอ่าเภอใจหรือไม่สมเหตุสมผล ทั้งนี้ ตามแนวทางที่ก่าหนดไว้ในข้อ ๘ วรรคสอง
ของอนุสัญญาแห่งยุโรปว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน กล่าวคือ
๑.๒.๑ การด่าเนินมาตรการนั้นมีกฎหมายหรือกฎเกณฑ์บัญญัติให้กระท่าได้
โดยยึดหลักการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายหรือกฎระเบียบนั้นๆ ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง และหลักการ
คาดหมายล่วงหน้าได้ของบุคคลนั้นๆ เกี่ยวกับผลของการใช้บังคับกฎหมายหรือกฎระเบียบนั้นที่เกี่ยวข้อง
กับตน อันเป็นหลักประกันสิทธิของบุคคล
๑.๒.๒ การด่าเนินมาตรการนั้นจะต้องเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์อันเกี่ยวกับ
ประโยชน์สาธารณะเป็นส่าคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อความมั่นคงแห่งรัฐ ความสงบเรียบร้อยและ
ความปลอดภัยของประชาชน หรือการป้องกันการกระท่าความผิดอาญา
๑.๒.๓ การด่าเนินมาตรการนั้นจะต้องเป็นสิ่งจ่าเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์
อันเป็นประโยชน์สาธารณะ และได้สัดส่วนกับวัตถุประสงค์ดังกล่าว โดยยึด “หลักความได้สัดส่วน”
ระหว่างการด่าเนินมาตรการนั้นกับผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อการแทรกแซงหรือการรุกล้่าสิทธิ