Page 242 - เสียงจากประชาชน การต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ดิน กรณีร้องเรียน 2545-2550. เล่ม 4 : "ที่ดินในเขตป่าและสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและป่า"
P. 242
ไปแจงความไวที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอไทรโยค เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๔๘ ดวย ตอมาวันที่ ๑๒
สิงหาคม ๒๕๔๘ เจาหนาที่อุทยานฯ นำคนเขาไปปลูกปาเฉลิมพระเกียรติในพื้นที่ดังกลาว ปจจุบันสวนปา
ถูกปลอยใหเสื่อมโทรมไมมีผูดูแลรักษา โดยผูรองก็ไมกลาเขาไปเชนกัน
การที่เจาหนาที่อุทยานแหงชาติไทรโยค ไดเขาไปกระทำดังกลาวนั้น ผูรองไมไดรับทราบลวงหนา
มากอน และผูใหญบานหมูที่ ๕ ไมเคยแจงหรือบอกกลาวใหทราบลวงหนาเลย เพียงแต ผูรองไดทราบภาย
หลังวาไดมีประกาศของอุทยานแหงชาติไทรโยค และไดมีการปดประกาศไวที่บานผูใหญหมู ๕ ตำบล
วังกระแจะ และหลังจากเกิดเหตุแลวตนยางพาราของผูรองที่ถูกถอนไมทราบวา เจาหนาที่ไดนำไปทำลาย
หรือนำไปใชทำประโยชนสวนตัวหรือไม
สำหรับแปลงตรวจยึดที่เจาหนาที่ปาไม ชี้แจงวา เปนคนละแปลงกับแปลงที่ผูรองแจงครอบครองไว
๑๕๐ ไร ผูรองยืนยันวาพื้นที่ตรวจยึดบางสวนทับซอนอยูในแปลงที่ผูรองไดทำกินมา ตั้งแตป ๒๕๔๐ จนมา
รื้อปลูกยางพาราเมื่อป ๒๕๔๘ ผูรองจึงเห็นวาแปลงที่ถูกยึดและแปลงทำกิน เปนแปลงผืนเดียวกันหมด สวน
ประเด็นเรื่องความลาดชัน ที่คณะทำงานฯ ตามคำสั่งแตงตั้งของจังหวัดกาญจนบุรี ระบุวา พื้นที่ที่ผูรองถูก
จับกุม ๒ แปลงนั้น เปนพื้นที่ในเขตควบคุมที่มีความลาดชัน ๓๕ เปอรเซ็นต แตสภาพพื้นที่จริงไมนาจะเปน
พื้นที่ลาดชัน และผูรองเปนชาวบานจึงไมสามารถทราบไดวาความชันเทาไร แตยืนยันวาไดทำกินในที่เดิมมา
ตลอด ผูรองไดอางถึงแบบบันทึกการใชที่ดินของบุคคลในพื้นที่ปาไม (แบบ ทป.๔) เจาพนักงานปาไมระบุ
สภาพพื้นที่โซนซี ชั้นลุมน้ำ ๓ ลักษณะภูมิประเทศ ที่ราบ ความลาดชัน ๗ องศา ขอมูลจึงไมตรงกันและ
ทำใหผูรองสับสน
ผูรองไดแสดงรูปแผนที่ประกอบเพื่อแสดงยืนยันวาพื้นที่จับกุม และพื้นที่ทำกินมาแตเดิมเปนแปลง
เดียวกัน แตลงปลูกพืชตางปกัน และพื้นที่จับกุมแปลง ๑๕ ไร ทับซอนอยูบนพื้นที่ทำกินบางสวนของบุตร ๓
คนของผูรอง ผูรองยืนยันวาหากรูแนวเขตอุทยานฯ ชัดเจน จะไมกลาบุกรุกที่อุทยานฯ อยางแนนอน แต
ยืนยันวาครอบครัวผูรองไดทำกินในพื้นที่เทาที่เคยทำกินมากอนเทานั้น สวนไมยางนาที่หัวหนาอุทยานฯ
อางถึงวาเปนพื้นที่ปานั้น ตนยางนาอยูติดบานผูรอง ผูรองรูวาโคนไมได จึงไมไดโคน แตเปลี่ยนจากพืชไรอื่น
มาปลูกยางพาราเทานั้น
๓) การเลือกปฏิบัติ
ผูรองเห็นวาการกระทำของเจาหนาที่อุทยานแหงชาติไทรโยคภายใตการนำของนายสวัสดิ์ อั้นเตง
ครั้งนี้ ทำใหผูรองไดรับความเดือดรอนเพราะตองสูญเสียตนทุนในการปลูกยางพาราของครอบครัวไปทั้งหมด
การปฏิบัติการของผูถูกรอง พรอมดวยเจาหนาที่ครั้งนี้เปนการปฏิบัติที่ไมเปนธรรมอยางยิ่ง และเปนการ
จงใจเลือกปฏิบัติเฉพาะครอบครัวของผูรองเพียงครอบครัวเดียว ยังมีอีกหลายรายที่ครอบครองที่ดินและทำ
ประโยชนเชนเดียวกับผูรองในที่ดินบริเวณเดียวกันและใกลเคียงกับผูรอง แตยังสามารถปลูกพืชและสวนยาง
พาราไดเปนปกติ แตเจาหนาที่อุทยานฯ ไมไดดำเนินการใดๆ กับผูครอบครองที่ดินและทำประโยชนรายอื่น
ในบริเวณเดียวและใกลเคียงกัน เชน
๑. บริษัท โลวเฮงหมง ครอบครองพื้นที่ไมนอยกวา ๕๐๐ ไร
๒. นางติ๋ม ศรีบัวทอง ครอบครองพื้นที่ ๒๕ ไร
๓. นายประเทือง บูวอ ครอบครองพื้นที่ ๕๐ ไร
๔. นายสุชาติ บุญเชิด (ผูใหญหมู ๕) ครอบครองพื้นที่ ๑๐๐ ไร
๕. นายสมพร สมลือแสน ครอบครองพื้นที่ ๒๐ ไร
เสียงจากประชาชน
“ที่ดินในเขตปาและสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและปา” 241