Page 43 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2565
P. 43
รายงานผลการประเมินสถานการณ์ 41
ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2565
การสอบสวนและผู้ต้องขังที่ถูกพิพากษาคดีถึงที่สุด เรื่องร้องเรียนจ�านวน 35 เรื่อง ทั้งนี้ยังพบกรณีที่ผู้ต้องขัง
โดยไม่จ�าเป็น และให้สอดคล้องกับกติกา ICCPR และ ที่ถูกศาลพิพากษาจ�าคุกแล้วและมีคดีอื่นหลายคดี โดย
ข้อเสนอแนะจากกระบวนการน�าเสนอรายงาน UPR พนักงานสอบสวนต้องอายัดตัวผู้ต้องหาหรือผู้ต้องขัง
รอบที่ 3 ซึ่งประเทศไทยได้ตอบรับ 117 ดังกล่าวไปที่เรือนจ�า แต่ไม่ได้ด�าเนินการสอบสวนหรือ
2) รัฐบาลควรพิจารณาสนับสนุนงบประมาณ ด�าเนินคดีเพื่อน�าไปสู่การพิจารณาของศาล จึงส่งผลให้
ให้แก่ ยธ. อย่างพอเพียงส�าหรับการปรับปรุงสภาพเรือนจ�า ผู้ต้องขังดังกล่าวที่ไม่ใช่ผู้ต้องขังเด็ดขาดเสียสิทธิที่จะอยู่
ให้สอดคล้องกับข้อก�าหนดมาตรฐานขั้นต�่าแห่งองค์การ ในเกณฑ์ที่จะได้รับพิจารณาสิทธิประโยชน์ในการพัก
สหประชาชาติในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง (ข้อก�าหนด การลงโทษ ลดวันลงโทษจ�าคุก และสิทธิประโยชน์อื่นใด
แมนเดลา) และข้อก�าหนดว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิง ตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายที่ออกมาจาก
และมาตรการที่มิใช่การคุมขังส�าหรับผู้กระท�าผิดหญิง การอภัยโทษในวาระต่าง ๆ
(ข้อก�าหนดกรุงเทพ) รวมถึงการจัดหาอุปกรณ์ส�าหรับ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวในเบื้องต้นให้แก่
ดูแลตนเองของผู้ต้องขังในเรือนจ�า การจัดสถานที่อยู่ ผู้ร้องเรียน กสม. ได้ประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ให้เหมาะสม และการแยกปฏิบัติที่ชัดเจนระหว่างผู้ต้องหา เพื่อเร่งรัดการด�าเนินคดีไปยังพนักงานสอบสวนเจ้าของ
ที่ถูกควบคุมตัวระหว่างการสอบสวนหรือพิจารณาคดี คดีตามค�าร้องเรียน และได้จัดท�าข้อเสนอแนะในการ
กับผู้ต้องโทษที่ได้รับค�าพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ซึ่งส่งผลให้มี
119
3) ศาลยุติธรรมควรพิจารณาติดตามและประเมิน การตรวจสอบในกรณีที่พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ
ผลการปฏิบัติตามข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วย บางรายอาจบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่มีมูลการกระท�า
การเปลี่ยนโทษจ�าคุกเป็นการใช้วิธีการเพื่อความปลอดภัย ผิดวินัยอันเป็นการสอบสวนล่าช้า และก�าชับให้
การน�าเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติมาใช้แทนการลงโทษ พนักงานสอบสวนทั่วประเทศปฏิบัติตามประมวลกฎหมาย
120
หรือการให้ส่งตัวจ�าเลยไปเข้ารับการบ�าบัดรักษาในความผิด วิธีพิจารณาความอาญาและค�าสั่ง ตร. ในการประสาน
ฐานเสพยาเสพติด หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติด ขออายัดตัวและเร่งรัดการสอบสวนผู้ต้องหาที่ถูกอายัดนั้น
เพื่อเสพ พ.ศ. 2564 ข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วย อย่างเคร่งครัด
หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการออกค�าสั่งหรือหมาย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.
อาญา (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2565 ข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ก�าหนดระยะเวลาด�าเนินงานในกระบวนการยุติธรรม
ว่าด้วยการปล่อยชั่วคราวและวิธีเรียกประกันในคดีอาญา พ.ศ. 2565 มีเป้าหมายในการก�าหนดระยะเวลาด�าเนินงาน
พ.ศ. 2565 ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการสนับสนุนให้ ในทุกขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมให้ชัดเจนและ
ผู้ต้องหาได้รับสิทธิต่าง ๆ ในกระบวนการยุติธรรม รวมถึง ตรวจสอบความคืบหน้าได้ เพื่อให้ประชาชนได้รับ
สิทธิที่จะเตรียมการต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ ความยุติธรรมโดยสะดวกและไม่ล่าช้า นอกจากนี้ มีการจัดตั้ง
3. กำรด�ำเนินคดีอำญำล่ำช้ำ และพัฒนาศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกระบวนการยุติธรรม
(Data Exchange Center: DXC) โดยเชื่อมโยงข้อมูลกับ
สถำนกำรณ์ ปัญหำหรืออุปสรรค ตร. เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน
ในปี 2565 กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ต้องขัง ในกระบวนการยุติธรรมให้สามารถน�าไปใช้ประโยชน์
เกี่ยวกับการด�าเนินคดีล่าช้าของพนักงานสอบสวนจ�านวน ระหว่างกันได้ สนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และ
52 เรื่อง เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ร้อยละ 48.57 ซึ่งได้รับ อ�านวยความยุติธรรมแก่ประชาชนได้อย่างแท้จริง
118
001-234 V9 CS6.indd 41 3/14/23 8:40 PM

