Page 142 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2565
P. 142
140
ของอนุสัญญา CRC ข้อ 22 ที่ก�าหนดให้เด็กผู้ลี้ภัยเข้าถึง ชุมชนเป็นฐาน และการบริหารจัดการรายกรณี (case
การคุ้มครองและได้รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม management) ซึ่งควรด�าเนินการให้เป็นไปตามมาตรการ
ที่เหมาะสม ซึ่งในปี 2565 กรมกิจการเด็กและเยาวชน ดังกล่าวเพื่อให้เด็กได้อยู่ร่วมกับครอบครัวและเข้าถึงระบบ
อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลและพิจารณาแนวทาง การศึกษาในโรงเรียน มีความเป็นอยู่ที่เหมาะสม และ
การด�าเนินการถอนข้อสงวนดังกล่าว 586 เอื้อต่อการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็กในด้านต่าง ๆ
รวมถึงเด็กสามารถเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานที่จ�าเป็น
ด้านการกักตัวเด็กไว้ในสถานกักตัวคนต่างด้าว ต่อชีวิตระหว่างที่พักพิงหรืออยู่ในประเทศไทย
เพื่อรอการส่งกลับ สตม. ด�าเนินการดูแลเด็กและมารดา
ไว้ในศูนย์แรกรับแม่และเด็ก และอยู่ระหว่างด�าเนินการ กำรประเมินสถำนกำรณ์สิทธิมนุษยชน
ขยายและปรับปรุงห้องกักแห่งใหม่เพื่อให้เด็กและมารดา
มีความเป็นอยู่ที่เหมาะสมมากขึ้น จากข้อมูลสถิติเด็กและ การใช้มาตรการและแนวทางแทนการกักตัว
มารดาในศูนย์แรกรับแม่และเด็กของ สตม. ณ วันที่ 28 เด็กไว้ในสถานที่กักตัวคนต่างด้าวเพื่อรอการส่งกลับ
พฤศจิกายน 2565 พบว่ามีจ�านวนเพิ่มขึ้นจากปี 2564 ซึ่งมี เป็นการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเด็กทุกคนโดยไม่เลือก
จ�านวน 163 คน เป็นจ�านวน 280 คน โดยเป็นเด็กจ�านวน ปฏิบัติ ซึ่งจะท�าให้เด็กได้รับการพัฒนาศักยภาพทางด้าน
587
205 คน และมารดาจ�านวน 75 คน ทั้งนี้ ในขณะที่กักเด็ก ร่างกาย จิตใจ และสังคมระหว่างที่รอการเดินทางกลับ
ไว้ในศูนย์แรกรับแม่และเด็ก สตม. ได้ประสานความ ประเทศต้นทาง ซึ่งประเทศไทยมีกลไกความร่วมมือใน
ร่วมมือกับองค์กรภาคประชาสังคมและองค์กรระหว่าง รูปบันทึกความเข้าใจ และคู่มือขั้นตอนการปฏิบัติงานที่
ประเทศที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดกิจกรรมเสริมสร้างพัฒนาการ เป็นมาตรฐานในการใช้มาตรการและแนวทางแทนการ
และการเรียนรู้ที่จ�าเป็นแก่เด็กที่ถูกกัก นอกจากนี้ ยังได้ กักตัวเด็กฯ ซึ่งน�าไปสู่ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ
ประสานความร่วมมือกับกรมกิจการเด็กและเยาวชน เพื่อ ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรระหว่างประเทศและภาคประชาสังคม
ให้ความช่วยเหลือเด็กที่มีสภาวะเปราะบาง เช่น เด็กอ่อน ในการคุ้มครองเด็กและครอบครัวอพยพโยกย้ายถิ่นฐาน
และเด็กที่เดินทางมาเพียงล�าพัง หรือเด็กที่มารดามีปัญหา ให้เป็นไปตามมาตรฐาน ยึดหลักการไม่เลือกปฏิบัติ
ด้านสุขภาพไปยังบ้านพักเด็กและครอบครัวที่อยู่ใน ค�านึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็ก และด�ารงอัตลักษณ์
ความดูแลของกรมกิจการเด็กและเยาวชน โดยปี 2565 ความแตกต่างของเด็กโยกย้ายถิ่นฐาน ซึ่งสอดคล้องกับ
ได้ส่งเด็ก จ�านวน 6 คน และมารดา จ�านวน 2 คน เข้ารับ
การคุ้มครองในสถานดูแลของกรมกิจการเด็กและเยาวชน อนุสัญญา CRC อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจ�ากัดด้าน
หากเป็นเด็กผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ สตม. จะประสาน สถานที่กักซึ่งยังไม่เหมาะสมกับการอยู่อาศัยของเด็กและ
ส่งไปยังสถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ครอบครัว ขาดการใช้มาตรการทางเลือกแทนการกักขัง
ต่อไป นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐได้ประสานความร่วมมือ ที่มีชุมชนเป็นฐาน เพื่อให้สอดคล้องกับค�ามั่นโดยสมัครใจ
กับภาคประชาสังคมเพื่อน�าแนวปฏิบัติในการช่วยเหลือ ของประเทศไทยภายใต้กลไก UPR รอบที่ 3 ที่เกี่ยวกับ
ดูแลเด็กในสถานกักตัวคนต่างด้าวเพื่อรอการส่งกลับ การด�าเนินมาตรการทางกฎหมายเพื่อรับรองการคุ้มครอง
ให้เป็นไปตามมาตรฐานหลักการสากล และยึดประโยชน์ ผู้ลี้ภัยและผู้แสวงหาที่พักพิงอย่างเหมาะสม จัดให้มีบริการ
สูงสุดของเด็กเป็นส�าคัญ อย่างไรก็ตาม แม้ว่า สตม. สาธารณสุขส�าหรับผู้โยกย้ายถิ่นฐาน ผู้ลี้ภัย และผู้แสวงหา
588
จะมีบันทึกความเข้าใจ เรื่อง การก�าหนดมาตรการและ ที่พักพิงในสถานกักกันควบคุมตัวต่าง ๆ และคุ้มครองสิทธิ
แนวทางแทนการกักตัวเด็กไว้ในสถานที่กักตัวคนต่างด้าว ของผู้โยกย้ายถิ่นฐานและสมาชิกครอบครัว
เพื่อรอการส่งกลับ และคู่มือขั้นตอนการปฏิบัติงานที่เป็น
มาตรฐาน (Standard Operation Procedure: SOP) การใช้มาตรการและแนวทางแทนการกักตัวเด็ก
และจัดตั้งศูนย์แรกรับแม่และเด็กแยกออกจากสถาน ไว้ในสถานที่กักตัวคนต่างด้าวเพื่อรอการส่งกลับ
กักตัวคนต่างด้าว แต่ภาคประชาสังคมยังมีข้อห่วงกังวล เป็นการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเด็กทุกคน
ว่าสภาพแวดล้อมที่จ�ากัดและมีลักษณะเป็นสถานที่กัก
ที่ไม่สอดคล้องกับมาตรการทางเลือกแทนการกักขังที่มี โดยไม่เลือกปฏิบัติ
001-234 V9 CS6.indd 140 3/14/23 8:40 PM

