Page 139 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2565
P. 139
รายงานผลการประเมินสถานการณ์ 137
ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2565
554,137 คน และปี 2565 มีจ�านวน 604,394 คน ทั้งนี้ เฉพาะประเด็นว่าด้วยการเข้าถึงสิทธิด้านสุขภาพของ
573
ในปี 2563 มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจ�านวน 9 หน่วยงาน กลุ่มเด็กและเยาวชนไร้รัฐไร้สัญชาติ เพื่อคุ้มครองสิทธิ
574
ได้จัดท�าบันทึกความร่วมมือ “การด�าเนินงานพัฒนา ด้านสุขภาพและสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพขั้นพื้นฐานแก่
การเข้าถึงสิทธิหลักประกันสุขภาพของคนไทยที่มีปัญหา เด็กและเยาวชนไร้รัฐไร้สัญชาติที่มีคุณภาพ เท่าเทียม
สถานะทางทะเบียน (คนไทยไร้สิทธิ)” เพื่อบูรณาการ และทั่วถึงตามหลักสิทธิมนุษยชนและพันธกรณี
ความร่วมมือดูแลประชาชนกลุ่มที่มีปัญหาสถานะทาง ระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคี โดยมอบหมาย
579
ทะเบียนให้เข้าถึงสิทธิสุขภาพโดยเฉพาะคนไทยตกหล่น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องน�าข้อเสนอไปพิจารณาด�าเนินการ
หรือ “คนไทยไร้สิทธิ” และ สปสช. ได้จัดตั้ง “คณะท�างาน ตามหน้าที่และอ�านาจ อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 แม้รัฐบาล
580
พัฒนาการเข้าถึงบริการระบบหลักประกันสุขภาพของ จะมีนโยบายส่งเสริมสุขภาพแก่บุคคลที่มีปัญหาสถานะ
กลุ่มคนไทยที่มีปัญหาสถานะ” ซึ่งในปี 2565 พบว่ามี และสิทธิแต่เป็นการเห็นชอบเฉพาะกลุ่มเป็นรายครั้ง
ความก้าวหน้าในการด�าเนินงานตามบันทึกข้อตกลง ตามมติ ครม. ในขณะที่ยังมีผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิ
ดังกล่าว ได้แก่ (1) สปสช. ได้ให้คนไทยไร้สิทธิหรือบุคคล อีกจ�านวนมากที่ประสบปัญหาและอุปสรรคไม่สามารถ
ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านกลางและบัตรประจ�าตัวสูญหาย เข้าถึงสิทธิสุขภาพ โดยเฉพาะเด็กไร้รัฐไร้สัญชาติ
สามารถใช้สิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้ กลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นผู้สูงอายุและอาศัยอยู่ในประเทศไทย
และพัฒนากลไกและทรัพยากรเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว มาเป็นระยะเวลานาน บุคคลที่ตกส�ารวจ และบุคคล
ในรูปแบบ “กองทุนรักษาพยาบาลคนไทยรอพิสูจน์สถานะ” ที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ตัวตน ท�าให้เมื่อผู้มีปัญหาสถานะ
575
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายบริการสาธารณสุขส�าหรับคนไทยที่มี และสิทธิเจ็บป่วยจะประสบความยากล�าบากในการจ่าย
ปัญหาสถานะทางทะเบียน (2) มีการพัฒนาเครือข่าย ค่ารักษาพยาบาล บางส่วนสถานพยาบาลไม่สามารถเรียกเก็บ
เพื่อแก้ไขปัญหาคนไทยไร้สิทธิระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ค่าใช้จ่ายได้ และอาจเกิดการปฏิเสธการเข้ารับการรักษา
ภาคประชาสังคม และภาควิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ในการแก้ไข ซึ่งอาจน�าไปสู่ความเจ็บป่วยที่รุนแรงหรือมีโอกาสเกิด
ปัญหาทั้งการพัฒนาสิทธิสถานะและสนับสนุนช่วยเหลือ การแพร่ระบาดของโรคได้ 581
ด้านการเข้าถึงสวัสดิการ และ (3) การน�าร่องให้โรงพยาบาล กำรประเมินสถำนกำรณ์สิทธิมนุษยชน
ในพื้นที่เก็บสารพันธุกรรม (DNA) เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์
ให้กับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ 576 การเข้าถึงสิทธิในสุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่
ทุกคนควรเข้าถึงได้เพื่อน�าไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตและ
ส�าหรับด้านการป้องกันโรคแก่ผู้มีปัญหาสถานะ ด�ารงอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การที่รัฐบาลและ
และสิทธินั้น เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2565 ครม. มีมติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีกองทุนประกันสุขภาพบุคคล
เห็นชอบโครงการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และ ที่มีปัญหาสถานะและสิทธิและกองทุนรักษาพยาบาล
เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค คนไทยรอพิสูจน์สถานะ รวมถึงจัดสรรงบประมาณในด้าน
โควิด 19 ค่ารักษาพยาบาลแก่กลุ่มผู้ไร้สิทธิการรักษาพยาบาล การป้องกันโรคแก่ผู้มีปัญหาสถานะและสิทธินั้นเป็นการ
โรคโควิด 19 ให้กับหน่วยบริการในการด�าเนินการตรวจ ด�าเนินการที่สอดคล้องกับพันธกรณีตามกติกา ICESCR
577
รักษาพยาบาลกลุ่มคนไร้สิทธิที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ข้อ 12 ที่ก�าหนดให้รัฐรับรองสิทธิของทุกคนที่จะมีสุขภาพ
และเห็นชอบโครงการค่าฉีดวัคซีนกลุ่มบุคคลที่มีปัญหา กายและสุขภาพจิตตามมาตรฐานสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้
สถานะและสิทธิ รวมทั้งผู้ที่ไม่ใช่ประชาชนไทย และท�าให้เกิดสิทธิดังกล่าวได้จริงอย่างสมบูรณ์ และตาม
578
ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายคนต่างด้าวที่ไร้สิทธิเบิก อนุสัญญา CERD ข้อ 5 (ฉ) (4) ที่ก�าหนดให้รัฐรับรองสิทธิ
ค่ารักษาพยาบาลหรือผู้ไร้รัฐไร้สัญชาติ และผู้มีประกันสุขภาพ ในการได้รับบริการสาธารณสุข การดูแลทางการแพทย์
คนต่างด้าวหรือแรงงานต่างด้าว นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 27 การประกันสังคม และการบริการทางสังคม อย่างไรก็ตาม
ธันวาคม 2565 ครม. มีมติเห็นชอบมติสมัชชาสุขภาพ กองทุนที่จัดตั้งขึ้นนั้นยังจ�ากัดอยู่ในกลุ่มคนไทยที่มี
001-234 V9 CS6.indd 137 3/14/23 8:40 PM

