Page 18 - รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการจัดทำข้อเสนอแนะ มาตรการหรือแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2555 เพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
P. 18
11
2.1.1 แนวคิดสิทธิมนุษยชนกับประเด็นเรื่องสัญชาติ
ในประเด็นเรื่องสัญชาตินั้นตามอนุสัญญากรุงเฮกว่าด้วยเรื่องสัญชาติ ค.ศ. 1930 มาตรา 1 กำหนดว่า
“ให้รัฐแต่ละรัฐวางข้อกำหนดกฎหมายของตนว่าบุคคลใดถือเป็นพลเมืองของรัฐ โดยรัฐอื่นยอมรับกฎหมาย
ดังกล่าวตราบเท่าที่สอดคล้องกับหลักการตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ ประเพณีปฏิบัติระหว่างประเทศและ
หลักกฎหมายอันเป็นที่ยอมรับโดยสากลในเรื่องสัญชาติ” ซึ่งแนวคิดเกี่ยวกับประเด็นเรื่องสัญชาติได้ค่อยๆ
พัฒนาขึ้นโดยเน้นถึงความสำคัญต่อสิทธิมนุษยชน มากกว่าการกล่าวอ้างเรื่องอำนาจอธิปไตยของรัฐ ปรากฏ
ตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ค.ศ. 1948 มาตรา 15 กำหนดว่า “บุคคลทุกคนมีสิทธิในการถือ
สัญชาติ การถอนสัญชาติโดยพลการหรือการปฏิเสธในการเปลี่ยนสัญชาติจะกระทำมิได้” เพื่อเป็นการ
รับรองความผูกพันทางกฎหมายของมนุษย์ทุกคนอันพึงมีต่อรัฐ เนื่องจากการเป็นพลเมืองและการมีสัญชาตินั้น
ไม่เพียงแต่จะทำให้พลเมืองเกิดสำนึกในที่มาของตน แต่ยังก่อให้เกิดสิทธิแก่บุคคลในการได้รับการคุ้มครองจาก
รัฐในสิทธิต่างๆ ทางสังคมและการเมือง ซึ่งโดยแท้จริงแล้วการมีสิทธิในการเป็นพลเมืองหรือการมีสัญชาตินั้น
ได้ถูกให้ความหมายว่าเป็น “สิทธิในการมีสิทธิ”
ฉะนั้นการมีสัญชาติของรัฐหนึ่งนั้นโดยแท้จริง จึงขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์โดยชอบระหว่างบุคคลกับรัฐ
นั้น ๆ ซึ่งความสัมพันธ์อันแท้จริงและโดยชอบระหว่างบุคคลต่อรัฐ เกิดขึ้นจากการถือกำเนิด การมีถิ่นที่อยู่
อาศัยและ/หรือการสืบสายโลหิต โดยหลักการนี้สะท้อนอยู่ในมาตราของกฎหมายสัญชาติของรัฐเกือบทุก
ประเทศ คำว่า“สัญชาติ” ตามคำจัดความของ The American Court of Human Right หมายถึง “ความ
ผูกพันทางการเมืองและทางกฎหมายรวมถึงความซื่อสัตย์และความจงรักภักดี ซึ่งเชื่อมโยงบุคคลเข้าไว้กับรัฐที่
9
ให้สัญชาติ โดยรัฐให้สิทธิแก่บุคคลดังกล่าวในการได้รับความคุ้มครองทางการทูต” และเพื่อเป็นการยืนยันว่า
บุคคลทุกคนมีสิทธิได้สัญชาติและจะไม่เสียสิทธิขั้นพื้นฐานในการได้สัญชาติ ประชาคมนานาชาติจึงได้มีการ
พัฒนาสนธิสัญญาขึ้นมาสองฉบับ ได้แก่อนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพของผู้ลี้ภัย ค.ศ.1951 และอนุสัญญาว่าด้วย
สถานภาพของบุคคลไร้สัญชาติ ค.ศ. 1954
ตามอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพของบุคคลไร้สัญชาติ ค.ศ. 1954 บุคคลไร้สัญชาติ หมายถึง “บุคคลซึ่ง
ไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นพลเมืองภายใต้ผลของกฎหมายของรัฐใดๆ (de jure stateless)” และการที่บุคคล
หนึ่งจะได้รับการพิจารณาให้ถือสัญชาติตามผลของกฎหมายนั้น คือบุคคลนั้นจะได้รับการพิจารณาให้มีสถานะ
พลเมืองภายใต้ข้อกำหนดทางกฎหมายที่วางไว้ ซึ่งอาจปรากฏอยู่ในรูปแบบของกฎหมายรัฐธรรมนูญ คำสั่งของ
ประมุขของรัฐหรือกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ อย่างไรก็ดีบุคคลโดยส่วนใหญ่จะมีเพียงหนึ่งสัญชาติโดยอัตโนมัติ
จากประเทศที่บุคคลนั้นถือกำเนิด(jus soli) หรือจากประเทศที่บิดามารดาของบุคคลนั้นถือสัญชาติอยู่ (jus
sanguinis) และในการยื่นขอสัญชาติ ผู้ร้องขอเข้าเป็นพลเมืองยังไม่สามารถได้สัญชาติจนกว่าจะได้รับอนุมัติ
9 Marilyn Achiron(UNHCR), สัญชาติและการไร้สัญชาติ คู่มือสำหรับสมาชิกรัฐสภา, (ประเทศไทย: บริษัทโชคอนันต์การ
พิมพ์แบะบรรจุภัณฑ์จำกัด, 2553), น.6-30