Page 45 - รายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ 3 (วันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ถึง 25 พฤษภาคม 2564)
P. 45
กสม. จึงได้มีข้อเสนอในการแก้ไขร่าง พ.ร.ป. กสม. GANHRI ในการพิจารณาประเมินสถานะของสถาบัน
มาตรา ๔๔ ดังนี้ สิทธิมนุษยชนแห่งชาติต่อไป ซึ่งต่อมาร่าง พ.ร.ป. กสม. 1
ก็ได้มีการบัญญัติหลักการดังกล่าวไว้ในมาตรา ๓๐ วรรค
“มาตรา ๔๔ ในกรณีที่มีการรายงานข้อเท็จจริงที่ไม่ สอง โดยก�าหนดให้กรรมการไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง 2
ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม หากคณะกรรมการเห็นว่าเป็นเรื่อง ทางอาญา หรือทางปกครอง เนื่องจากการที่ตนได้ปฏิบัติ
ที่กระทบต่อผลประโยชน์ส่วนรวมของชาติและประชาชน ตามหน้าที่และอ�านาจโดยสุจริตตามพระราชบัญญัติ 3
คณะกรรมการอาจพิจารณาตรวจสอบเพื่อที่จะชี้แจงและ ประกอบรัฐธรรมนูญนี้
รายงานข้อเท็จจริงต่อคณะรัฐมนตรี หน่วยงานหรือองค์กร
ที่เกี่ยวข้องหรือเผยแพร่ต่อสาธารณชนก็ได้” ๔) อำ�น�จในก�รไกล่เกลี่ย 4
โดยที่ปรากฏตามค�าปรารภของรัฐธรรมนูญแห่ง
๓) หลักก�รคุ้มกันคว�มรับผิดในก�รปฏิบัติหน้�ที่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง 5
ของ กสม. กับองค์กรอิสระว่า “...การให้สถาบันศาลและองค์กรอิสระอื่น
โดยที่ร่าง พ.ร.ป. กสม. ฉบับที่ผ่านการพิจารณาของ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการใช้อ�านาจรัฐ สามารถปฏิบัติหน้าที่
คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สุจริต เที่ยงธรรม และมีส่วนในการ
๒๕๖๐ ไม่ปรากฏเรื่องหลักการคุ้มกันความรับผิดในการ ป้องกันหรือแก้ไขวิกฤติของประเทศตามความจ�าเป็น
ปฏิบัติหน้าที่ของ กสม. ซึ่งหลักการคุ้มกันความรับผิด และความเหมาะสม การรับรอง ปกป้อง และคุ้มครอง
ในการปฏิบัติหน้าที่ของ กสม. มีความส�าคัญและจ�าเป็น สิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยให้ชัดเจนและครอบคลุม
เพื่อป้องกันมิให้การปฏิบัติหน้าที่ของ กสม. ต้องตกอยู่ อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น... รวมตลอดทั้งการลดเงื่อนไข
ภายใต้อิทธิพลจากภายนอกหรือจากการถูกข่มขู่ที่จะมี ความขัดแย้งเพื่อให้ประเทศมีความสงบสุขบนพื้นฐาน
การด�าเนินคดีทางกฎหมาย ประการส�าคัญ การคงไว้ ของความรู้รักสามัคคีปรองดอง การจะด�าเนินการ
ซึ่งหลักการคุ้มกันความรับผิดในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ในเรื่องเหล่านี้ให้ลุล่วงไปได้ จ�าต้องอาศัยความร่วมมือ
จะมีผลต่อการประเมินสถานะของ กสม. ตามข้อสังเกต ระหว่างประชาชนทุกภาคส่วนกับหน่วยงานทั้งหลาย
ของคณะอนุกรรมการประเมินสถานะของสถาบัน ของรัฐตามแนวทางประชารัฐภายใต้กฎเกณฑ์ตามหลัก
สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (SCA) ภายใต้คณะกรรมการ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยและประเพณี
ประสานงานระหว่างประเทศว่าด้วยสถาบันสิทธิมนุษยชน การปกครองที่เหมาะสมกับสถานการณ์และลักษณะ
แห่งชาติ (ICC) ซึ่งปัจจุบัน คือ พันธมิตรสถาบันสิทธิมนุษยชน สังคมไทย หลักความสุจริต หลักสิทธิมนุษยชน และหลัก
แห่งชาติระดับโลก (GANHRI) อันเป็นเงื่อนไขข้อหนึ่งที่ ธรรมาภิบาล...” และตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา ๒๔๗ บทนำ�
กสม. ถูกลดสถานะจาก A เป็น B โดยหากกฎหมาย (๑) ได้บัญญัติให้ กสม. มีหน้าที่และอ�านาจในการ
ไม่บัญญัติหลักเกณฑ์นี้ไว้ กสม. ก็จะไม่มีทางได้สถานะ A ตรวจสอบและรายงานข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับ
คืนมา นอกจากนี้ ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย การละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกกรณีโดยไม่ล่าช้า และเสนอ
ราชทัณฑ์ โดยพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ แนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกัน
มาตรา ๓๐ ยังคงได้บัญญัติเกี่ยวกับหลักการคุ้มกัน หรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการเยียวยา
ความรับผิดของเจ้าพนักงานไว้ เช่นเดียวกับพระราชบัญญัติ ผู้ได้รับความเสียหายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ราชทัณฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ มาตรา ๒๑ ที่ได้ถูกยกเลิก ต่อหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่เกี่ยวข้อง กระบวนการ
ไปแล้ว อันแสดงให้เห็นถึงความส�าคัญและความจ�าเป็น ไกล่เกลี่ยนับเป็นการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหาย ดังนั้น
ของหลักการดังกล่าว การก�าหนดหน้าที่และอ�านาจของ กสม. ตามร่าง พ.ร.ป.
กสม. จึงควรมีความชัดเจนและครอบคลุมอย่างกว้างขวาง
กสม. จึงได้มีข้อเสนอในการแก้ไขเพิ่มเติมร่าง พ.ร.ป. รวมทั้งมีส่วนช่วยลดเงื่อนไขความขัดแย้งเพื่อให้ประเทศ
กสม. โดยให้ก�าหนดหลักในเรื่องการคุ้มกันความรับผิด มีความสงบสุขตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญข้างต้น
ของ กสม. ไว้ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเสนอของ
43