Page 46 - รายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ 3 (วันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ถึง 25 พฤษภาคม 2564)
P. 46

ในการพิจารณาว่า การก�าหนดหน้าที่และอ�านาจ   ในฐานะเป็นองค์กรอิสระซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการใช้
            รวมทั้งขอบเขตความรับผิดชอบ กสม. มีความชัดเจนและ อ�านาจรัฐในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและคุ้มครอง
            ครอบคลุมอย่างกว้างขวาง หรือไม่ เพียงใด นั้น จ�าเป็น สิทธิมนุษยชน อันมีลักษณะเป็นการด�าเนินงานตามอ�านาจ
            ต้องพิจารณาตามหลักการปารีส ซึ่งได้ก�าหนดให้สถาบัน  กึ่งตุลาการตามหลักการปารีสแล้ว จะเห็นได้ว่ามิได้มีการ
            สิทธิมนุษยชนแห่งชาติต้องมีอ�านาจหน้าที่และความรับผิดชอบ   บัญญัติให้ กสม. สามารถด�าเนินการไกล่เกลี่ยให้คู่กรณี
            (competence and responsibilities) ครอบคลุมถึง ยินยอมตกลงเพื่อประนีประนอมและแก้ไขปัญหา
            การคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง การละเมิดสิทธิมนุษยชนได้แต่อย่างใด ทั้งที่การไกล่เกลี่ย

            ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และอ�านาจดังกล่าว ตลอดจนองค์ เป็นกระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือกที่ช่วยบรรเทาทุกข์
            ประกอบและเขตอ�านาจของสถาบันฯ ต้องบัญญัติรับรอง ให้ประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ลดการน�าคดีขึ้นสู่ศาล
          รายงานผลการดำาเนินงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ ๓
            ไว้อย่างชัดเจนในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่น นอกจากนี้  ยุติข้อพิพาทด้วยความสมานฉันท์ ซึ่งบางกรณีความขัดแย้ง
            คู่มือสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติซึ่งจัดท�าโดยส�านักงาน  ไม่ใช่เรื่องในเนื้อหา แต่เกิดจากความเข้าใจผิด หรือ
            ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ได้เน้นย�้าว่า  มีข้อมูลไม่ครอบคลุม การระงับข้อพิพาทกระแสหลัก
            อ�านาจหน้าที่ของสถาบันสิทธิฯ จะต้องก�าหนดไว้อย่าง อาจใช้เวลา ค่าใช้จ่ายมากกว่า ประกอบกับการมุ่งเน้น
            ชัดเจนในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย  โดยหลักการปารีส  การด�าเนินการอย่างเป็นระบบแต่เพียงอย่างเดียว
                                         ๑
      สำ�นักง�นคณะกรรมก�รสิทธิมนุษยชนแห่งช�ติ
            ได้ก�าหนดหลักการเพิ่มเติมว่าด้วยสถาบันสิทธิฯ ที่มีอ�านาจ อาจต้องรอผลการด�าเนินการของคณะรัฐมนตรีหรือ
            กึ่งตุลาการไว้ ดังนี้                            หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องตามข้อเสนอแนะของ กสม.

                ๑.  แสวงหาแนวทางยุติปัญหาอย่างฉันมิตรผ่าน ต้องใช้เวลานานในการแก้ไขปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน
                    กระบวนการไกล่เกลี่ย หรือโดยการตัดสินใจ  ให้กับประชาชน การไกล่เกลี่ยจึงเป็นเครื่องมือที่ท�าให้
                    ที่มีผลผูกพัน  หรือหากจ�าเป็นบนพื้นฐาน  สามารถให้การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมทั้ง เยียวยาผู้ที่
                    การปกปิดเป็นความลับ ทั้งนี้ ภายในขอบเขต  ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์
                    ที่กฎหมายบัญญัติ                         ซึ่งในหลายประเทศได้ให้ความส�าคัญและเห็นประโยชน์
                ๒.  แจ้งแก่ผู้ที่ส่งเรื่องราวร้องทุกข์ได้ทราบถึงสิทธิ ของการไกล่เกลี่ย จึงได้ก�าหนดหลักการไกล่เกลี่ยไว้ใน
                    ต่าง ๆ ที่มี โดยเฉพาะการเยียวยาที่ผู้ร้องเรียน  กฎหมายว่าด้วยสถาบันสิทธิมนุษยชน เช่น ออสเตรเลีย
                    พึงได้รับและส่งเสริมการเข้าถึงสิทธิและ  นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ และอินโดนีเซีย เป็นต้น ดังนั้น

                    การเยียวยาดังกล่าว                       พ.ร.ป. กสม. มิได้ก�าหนดหน้าที่และอ�านาจเรื่องการ
                ๓.  รับฟังข้อร้องเรียนหรือเรื่องราวร้องทุกข์หรือ  ไกล่เกลี่ยไว้อย่างชัดเจน จึงเป็นการก�าหนดขอบเขต
                    ส่งข้อร้องเรียนดังกล่าวไปยังหน่วยงานที่มี  ความรับผิดชอบของกสม. ที่ยังไม่ชัดเจนและไม่ครอบคลุม
                    อ�านาจหน้าที่ภายในขอบเขตที่กฎหมายบัญญัติ ถึงการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง
                ๔.  จัดท�าข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ตามหลักการปารีสดังกล่าว
                    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเสนอให้มีการแก้ไขหรือ
                    ปฏิรูปกฎหมาย กฎ ระเบียบ และแนวปฏิบัติ       ทั้งนี้ แม้ในการพิจารณาร่าง พ.ร.ป. กสม. ของสภา
                    ทางปกครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากกฎหมาย  นิติบัญญัติแห่งชาติ จะมีข้อสังเกตว่า “...อย่างไรก็ดี
                    กฎ ระเบียบ และแนวปฏิบัติเช่นว่า ได้ท�าให้เกิด ในบางกรณีคณะกรรมการอาจพิจารณาด�าเนินการ

                    ความยากล�าบากแก่บุคคลที่ส่งเรื่องราวร้องทุกข์ ตรวจสอบเพื่อมีข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานของรัฐ
                    ในการใช้สิทธิต่างๆ ของตน                 หรือเอกชนที่เกี่ยวข้องในการเยียวยาผู้ถูกละเมิด
                                                             สิทธิมนุษยชน ซึ่งก่อนการมีข้อเสนอแนะอาจมีกรณีที่
                เมื่อพิจารณาร่าง พ.ร.ป. กสม. หมวด ๒ การด�าเนินการ  ต้องให้คู่กรณีหรือผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ในระหว่างนั้น
            ตามหน้าที่ของคณะกรรมการ มาตรา ๓๔ และมาตรา ๓๕   กสม. อาจด�าเนินการไกล่เกลี่ยระหว่างคู่กรณีเพื่อเยียวยา
            ที่ได้วางแนวทางในการด�าเนินการตามหน้าที่และอ�านาจ  การละเมิดสิทธิมนุษยชนในกรณีดังกล่าวได้โดยความ


            ๑  Office of The United Nations High Commissioner for Human Rights, National Human Rights Institutions History, Principles, Roles and
            Responsibilities. Professional Training, Series No.4 (REV.1) (New York and Geneva: United Nations), 2010, p.32.



       44
   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51