Page 184 - รายงานผลการศึกษาวิจัยเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะ มาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน (ฉบับสมบูรณ์)
P. 184

บทที่ 6
                                                       แนวทางในการส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
                                                 บนฐานของสิทธิในสิ่งแวดล้อมและเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ


               ปฏิรูประบบการพิทักษทรัพยากรปาไมที่เน้นให้ระบบของการพิทักษทรัพยากรปาไมมีประสิทธิภาพสูงสุด

               เพื่อแก้ปัญหาด้านก าลังคน โดยใช้การกระจายอ านาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชน เป็นต้น

                       นอกจากนี้ ในส่วนของการจัดท าฐานข้อมูลกลาง ที่ผ่านมาการจัดท าแผนที่ส าหรับการใช้ร่วมกันอย่าง

               บูรณาการนั้น เป็นการก าหนดพื้นที่และแก้ไขแนวเขตโดยอาศัยอ านาจของหน่วยงานแต่ละแห่ง ท าให้การ
               เจรจาต่อรองไม่สามารถหาข้อสรุปได้เนื่องจากจะมีผลกระทบตามมา รวมถึงพื้นที่ป่าประเภทต่างๆ มีการ

               เปลี่ยนสภาพ เปลี่ยนแนวเขต  ดังนั้น แผนที่ที่จะจัดท าเป็นข้อมูลกลางจึงยังไม่ควรมีแนวเขตที่อยู่ในความดูแล
               ของหน่วยงาน แต่ต้องเป็นการส ารวจเชิงกายภาพตามความเป็นจริง เพื่อให้ได้ข้อมูลทางนิเวศอย่างครบถ้วน

               และไม่อาจอาศัยเพียงแต่การส ารวจของรัฐเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องมีการประกอบข้อมูลหลายๆ ส่วน
               เข้าด้วยกัน ทั้งภาพถ่ายทางอากาศ การระบุพิกัด GPS แผนที่ชุมชน เป็นต้น


                       การกระจายอ านาจและการจัดท าฐานข้อมูลนั้น จึงต้องมุ่งเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน
               และชุมชน เพื่อให้ส่วนกลางได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน สามารถวางนโยบายหลักเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนา

               ให้กับท้องถิ่นและชุมชน ในขณะที่ท้องถิ่นและชุมชนสามารถใช้ฐานข้อมูลนั้นในการจัดการทรัพยากรให้เป็นไป

               อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับพื้นที่และมีประสิทธิภาพ โดยเครื่องมือในการมีส่วนร่วมอาจมีได้ดังนี้

                       (1) การประชาพิจารณ์ (public hearing) เป็นกระบวนการรับฟังความคิดเห็นก่อนการด าเนินการ

                          เช่น การก าหนดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการด าเนินการของรัฐตามระเบียบ
                          ส านักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. 2548 เป็นต้น

                       (2) การสอบถามสาธารณะหรือการไต่สวนสาธารณะ (public inquiry) การแสดงความคิดเห็นหรือ
                          โต้แย้งคัดค้านก่อนการออกกฎของฝ่ายบริหาร ซึ่งอาจท าโดยผู้แทนประชาชน เช่น สมาชิก

                          สภาผู้แทนราษฎร หรือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เป็นต้น ในประเทศอังกฤษมีการใช้การ

                          ไต่สวนสาธารณะเป็นมาตรการทางปกครองของรัฐก่อนที่ผู้บริหารจะออกกฎหมายหรือมีค าสั่ง
                          ในเรื่องที่จะกระทบประชาชน

                       (3) การท าประชามติ (public referendum) การให้ประชาชนออกเสียงลงคะแนนเพื่อมีมติชี้ขาด
                          เช่น การท าประชามติตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ

                          พ.ศ. 2552 ในเรื่องที่นายกรัฐมนตรีประกาศให้มีการจัดท า เป็นต้น

                       (4) การลงชื่อ (public registries) เป็นการเข้าชื่อเพื่อแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นสาธารณะ
                          นอกจากจะปรากฏในกฎหมายการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของแดนาดาแล้ว ยังปรากฏ

                          ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 43 (3) ว่า “บุคคลและชุมชน
                          ย่อมมีสิทธิเข้าชื่อกันเพื่อเสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐให้ด าเนินการใดอันจะเป็นประโยชน์ต่อ

                          ประชาชนหรือชุมชน หรืองดเว้นการด าเนินการใดอันจะกระทบต่อความเป็นอยู่อย่างสงบสุขของ

                          ประชาชนหรือชุมชน และได้รับแจ้งผลการพิจารณาโดยรวดเร็ว  ทั้งนี้ หน่วยงานของรัฐต้อง






               สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย                                                      6-13
   179   180   181   182   183   184   185   186   187   188   189